หอการค้าฯ ชงรัฐต่อคนละครึ่งเฟส 5 – จี้เร่งประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นหลังสงกรานต์

358
0
Share:

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการดำเนินงาน ต่อเนื่องจากนโยบายเร่งด่วน 99 วัน เพื่อเป็นแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังประสบปัญหาหลายอย่าง เช่นเรื่องโควิดที่ทำให้เดินหน้าเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่ดังนั้นควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วประเทศให้เกิน70% แล้วประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็วซึ่งหากเป็นไปได้ควรประกาศหลังสงกรานต์นี้ เพราะพึ่งพิงทั้งการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนกับต่างชาติ การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้เร็ว จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

ภาคเอกชนเห็นว่า การกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องสำคัญ โดยมาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 กำลังจะหมดรอบในเดือนเมษายนนี้ มีเม็ดเงินในระบบสะพัดแล้วกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่ได้ประโยชน์และบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนได้จริง โดยต้องการเสนอให้รัฐบาลขยายเวลามาตรการคนละครึ่งไปจนถึงสิ้นปี 2565 และควรมีคนละครึ่งเฟส5 ออกมาซึ่งวงเงินที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่เฟสละ 1,500 บาท

ขณะเดียวกันใน เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ควรขยายเวลาการเก็บเต็มจำนวนออกไปก่อน แล้วค่อยทยอยเก็บเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได ก็จะช่วยลดภาระให้ประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนี้ได้

เอกชนเคยเสนอเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้เสนอผ่าน ครม.ไปแล้ว ควรรีบนำเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% ให้เป็น 70% ผ่านสภาฯ เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้เงินมากระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจได้ เพราะขณะนี้เพดานหนี้ใกล้เต็ม 60% แล้ว อีกทั้งเงินกู้เดิมก็เหลือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การกู้เงินเพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดภาระหนี้ เพื่อ Reboot เศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการฟื้นตัว เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 และขยายสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นแบบ K-Shaped โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น คาดว่า SME จำนวน 1 ใน 5 จะไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง ซึ่งเราคงช่วยเหลือทุกกลุ่มไม่ได้ จึงต้องมุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน กลุ่มธุรกิจที่อยู่ K ขาล่าง ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม SME ต้องช่วยให้เขาไม่ลงไปมากกว่านี้ เพื่อเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศเอาไว้ โดยประเทศไทยจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้เกิดการเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ ภายใต้แนวทาง 4 R คือ

1. Restart–สร้างใหม่ ประเทศจำเป็นต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BCG หรือ Startup 2. Reimagine–คิดใหม่ เพิ่มมูลค่า และสร้างความได้เปรียบ ต้องร่วมกันคิดรูปแบบ Business Model ใหม่ หาโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งเสริมการนำ EV มาใช้ให้มากขึ้น หรือการนำ AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำ

3.Recover–พลิกฟื้นเราต้องร่วมมือกันเพื่อประคองธุรกิจ รอโอกาสพลิกฟื้น เช่น การช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจกลับมาเดินหน้าต่อไป รวมถึงการช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน และลดค่าใช้จ่าย และ4. Reform–ตื่นตัว เพื่อให้ปรับเร็ว ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันปฏิรูปการทำงานใหม่โดยเฉพาะเรื่องระเบียบหรือกฎหมายที่ล้าสมัยช่วยรัฐบาล Transform สู่ E-Government

สำหรับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยนั้น หอการค้าฯ มองว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ๆ เหมือนในอดีต จะเป็นไปได้ยากขึ้น และยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าการท่องเที่ยวจะฟื้น เชื่อว่าอย่างน้อย 2-3 ปี ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องมีการวางแผนธุรกิจใหม่ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น หรือที่เราเรียกว่า “นักท่องเที่ยวคุณภาพ” ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ มีมาตรฐาน สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ได้