หุ้นคึกต่อ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงหลุด 86 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,194 จุด +95 จุด หรือ +0.28% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,027 จุด +23 จุด หรือ +0.59% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,285 จุด +110 จุด หรือ +0.99%
สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับแนวโน้มการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาสหรัฐอเมริกา หรือเฟด หลังจากการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา พบส่งสัญญาณชัดเจนถึงความกังวลต่อผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้ความเห็นของกรรมการส่วนใหญ่ไปในทิศทางว่าอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราน้อยลง
นอกจากนี้จำนวนแรงงานชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์ถึงเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พบว่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 240,000 คน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 225,000 คน
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.7% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.3% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 เปิดเผยว่า กำลังมองหาช่วงราคาที่เหมาะสมในการประกาศใช้มาตรการเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซีย ซึ่งอยู่ระหว่าง 65-70 ดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,750.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +10.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ราคาทองคำที่ปรับขึ้นรอบเดือนพฤศจิกายนนี้ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1,786.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ราคาปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน
สาเหตุจากบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณชัดเจนถึงความกังวลต่อผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้ความเห็นของกรรมการส่วนใหญ่ไปในทิศทางว่าอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราน้อยลง ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าต่อเนื่อง สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับลดลงด้วย
