หุ้นแดง 4 วัน! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทรุดแรงกว่า 250 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 78 ดอลล์

191
0
Share:
หุ้นแดง 4 วัน! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ทรุดแรงกว่า 250 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 78 ดอลล์

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,799 จุด -255 จุด หรือ -0.77% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,115 จุด -30 จุด หรือ -0.73% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,484 จุด -76 จุด หรือ -0.61%. ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมามีความกังวลมากขึ้นกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาหลังจากนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายเควิน แม็คคาร์ทีประธานสภาล่างและผู้นำพรรครีพลับลิกัน ไม่สามารถตกลงกันได้ในการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ก่อนหน้านี้ประธานสภาล่าง นายเควิน แม็คคาร์ที กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน กล่าวว่า มั่นใจว่าบรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาจะรวมกันเพื่อบรรลุข้อตกลง และหลีกเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ได้

นอกจากนี้ บันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เปิดเผยคืนผ่านมา พบว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคต

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2% ส่งผลราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 3 วันติดกันรวม 2.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2% ส่งผลราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ปิดเพิ่มขึ้น 3 วันติดกันรวม 2.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากสำนักงานข้อมูลพลังงาน กระทรวงพลังงาน สหรัฐอเมริกา รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงอย่างมากถึง 12.5 ล้านบาร์เรล มาเหลือเพียง 455.2 ล้านบาร์เรล ตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามการคาดการณ์ของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน หรือ เอพีไอ ที่คาดการณ์แนวโน้มการบริโภคน้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลเกิดภาวะน้ำมันสำเร็จรูปตึงตัว นอกจากนี้ ยังรายงานเบื้องต้นว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปรายสัปดาห์ลดต่ำลงอย่างมาก ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่สต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง

ด้านซาอุดีอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในโลก ส่งสัญญาณว่าอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีก ทำให้นักลงทุนประเมินว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกในการประชุมวันที่ 4 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ คาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำมันดิบอาจเกิดการขาดแคลนในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเกือบวันละ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความกังวลกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ หลังจากผู้นำสูงสุดของสภาล่าง และวุฒิสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าจะพยายามพิจารณาผ่านกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สหรัฐอเมริกาเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,963.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -12.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือลดลง -0.6% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,965.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ -8.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือลดลง -0.4%

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สาขาเซนต์หลุยส์ และมินเนียโพลิส มองอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดต้องขึ้นสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ แม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา แต่นักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น