หุ้นไทยดิ่งหนัก! SET Index ปิดร่วงกว่า 26.58 จุด รับข่าววิกฤตซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ประสบปัญหาสภาพคล่องรุนแรง โบรกฯคาดยังไม่ร่วงถึงจุดต่ำสุด

299
0
Share:

ดัชนี SET Index ปิดวันนี้ ที่ 1,573.07 จุด ลดลง 26.58 จุด หรือ 1.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79,662 ล้านบาท

โดย 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่
1. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,411.74 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
2.BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,685.35 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท ลดลง 0.65 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,593.78 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 2.75 บาท

ด้านตลาด SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 939.39 จุด ลดลง 14.89 จุด, -1.56%

ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 543.85 จุด ลดลง 16.28 จุด หรือ 2.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3,331.13 ล้านบาท

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงรับ Sentiment เชิงลบจากซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ปิดกิจการ จากการประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดภาวะเดียวกันกับธนาคารอื่นๆ อีกหรือไม่ ทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยออกมาอย่างหนัก ทั้ง KBANK, BBL, SCB ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.66) ด้วย

ขณะที่ล่าสุดช่วงท้ายตลาดมีรายงานข่าวว่าหุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ร่วงลงกว่า 60% ในการซื้อขายก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการในวันนี้ ถูกกดดันจากการปิดกิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ และ SVB โดยเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ เข้าถึงสภาพคล่องได้กว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศโครงการ Bank Term Funding Program

แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลังนักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว และพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง รวมถึงนักลงทุนคลายกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยแรง โดยให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% จากเดิมคาด 0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ SVB ให้กรอบแนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,590 จุด

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีปรับลดลงอย่างร้อนแรง เป็นภาพเดียวกับตลาดหุ้นอื่นรอบบ้าน ตอบรับข่าววิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐ ในกรณีการปิดธนาคาร Silvergate Capital และธนาคาร Silicon Valley (SVB) ประสบปัญหาสภาพคล่องหนัก ทำให้สหรัฐต้องออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สร้างความกังวลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังมีทิศทางไหลออกต่อเนื่อง หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยเป็นเดือนแรก ซึ่งเป็นผลจากความกังวลวิกฤตธนาคารสหรัฐดังกล่าว ส่งผลกดดันดัชนีปรับตัวลงลึกในช่วงท้ายก่อนปิดตลาด

โดยมองว่าดัชนีที่ลดลงไป 26 จุดนั้น ยังไม่ถึงจุดต่ำสุดของการปรับลดลงด้วย เพราะทิศทางฟันด์โฟลว์ยังเป็นตัวกดดันอยู่ ส่วนปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดให้ดีดตัว (รีบาวด์) ขึ้นมาได้ คงต้องรอดูพัฒนาการของมาตรการที่จะเข้ามาช่วยเหลือของแบงก์สหรัฐที่ปิดตัวลง ว่าจะได้ผลมากน้อยอย่างไร รวมถึงแบงก์อื่นๆ ในสหรัฐที่อาจได้รับผลกระทบหรือมีปัญหาตามด้วย โดยกลยุทธ์ที่แนะนำการลงทุน ยังเป็นจุดเข้าซื้อสะสมได้ของผู้ที่ยังไม่มีหุ้น เน้นหุ้นรายตัว อาทิ กลุ่มไอซีที โรงพยาบาล ส่วนผู้ที่ติดหุ้นอยู่แล้ว สามารถซื้อถั้วราคาได้ในระดับ 1,555 จุด แต่ต้องรับความเสี่ยงที่อาจเกิดความผันผวนได้

หมายเหตุ – ข้อมูลเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน