หุ้นไทยปิดตลาดร่วงลงกว่า 15.95 จุด ทำสถิติดัชนีระดับดำดิ่งต่ำสุดใหม่ในรอบ 3 ปี

133
0
Share:
หุ้นไทย ปิดตลาดร่วงลงกว่า 15.95 จุด ทำสถิติดัชนีระดับดำดิ่งต่ำสุดใหม่ในรอบ 3 ปี

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดวันนี้ที่ 1,357.97 จุด ลดลง 15.95 จุด หรือ -1.16% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37,984.99 ล้านบาท โดยยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน และความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในระดับต่ำมาก กดดันดัชนีร่วงลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,370 จุด ลงมาทำระดับต่ำสุดใหม่ (New Low) ในรอบ 3 ปี

ขณะที่การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุด 1,354.73 จุด หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุด 1,370.39 จุด

3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,248.95 ล้านบาท ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,709.02 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3. BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,494.67 ล้านบาท ปิดที่ 25.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ Underperform ตลาดภูมิภาคเอเชีย ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน และความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในระดับต่ำมาก ส่งผลให้ดัชนีร่วงลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,370 จุด ลงมาทำระดับต่ำสุดใหม่ (New Low) ในรอบ 3 ปี จาก Low เดิม 1,366 จุด

ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง มองว่ามาจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด ทำให้เงินที่เคยไหลเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยเมื่อปี 65 เกือบ 2 แสนล้านบาทกลับข้างเป็นชะลอการเข้าลงทุน ตลอดจนขายสุทธิออกไป ถือเป็นการปรับสถานะของนักลงทุนต่างชาติในปีนี้

โดยตลาดยังรอติตดามปัจจัยสำคัญ คือ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ ซึ่งเก็งว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% รวมถึงติดตามมุมมอง Dot Plot ว่าจะเห็นการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอย่างไร จากเดิมเฟดให้ Dot Plot สิ้นปี 67 อยู่ที่ 5.125% โดยเราคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลด Dot Plot ในปี 67 ลงจากเดิมราว 25-50bps เนื่องจากเงินเฟ้อสหรัฐชะลอ ลง ซึ่งหากเป็นไปตามคาดจะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดหุ้นไทยลงไปมากแล้ว จึงเชื่อว่าจากนี้น่าจะปรับตัวขึ้นมาได้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเหลือขายสุทธิหุ้นไทยได้อีกไม่มาก โดยวันพรุ่งนี้ตลาดฯ มีโอกาสรีบาวด์ หากเฟดปรับลด Dot Plot ปี 67 ลงตามคาด และยังคาดหวังแรงหนุนจากการเข้าซื้อของกองทุน TESG ให้แนวรับไว้ที่ 1,345-1,340 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด