หุ้นไทย 1,700! สมาคมนักวิเคราะห์มองปีเสือหุ้นไทยไปถึงกว่า 1,780 จุด

431
0
Share:
หุ้น

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ IAA เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนจาก 25 แห่ง เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในปี 2565 มีบทสรุปได้ดังนี้

นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีไทยปี 2565 เป็น 3.71% จากการสำรวจเมื่อ 3 เดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับ 3.67% ขณะที่ปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น 69.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการสำรวจก่อนหน้านี้ มีการมองใว้ที่ 68.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

แนวโน้มการลงทุนในปี 2565 พบว่ามี 3 ปัจจัยหลัก คือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะดีขึ้น มีผู้โหวตถึง 92% และภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีผู้โหวต 84% ตามมาด้วย แนวโน้มความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนและโควิดในไทยมีผู้โหวต 80%

ในแง่ปัจจัยลบมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดมีผู้โหวตมากถึง 84% รองลงมาคือ การเตรียมลดมาตรการ QE ทั่วโลกมีผู้โหวต 72% และตามติดมาด้วยแนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ของโลกที่สูงขึ้นอีกครั้งมีผู้โหวต 68% สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ความเห็นส่วนใหญ่ 79% มองว่าน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปีนี้

ด้านผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปี 65 จะมีเฉลี่ยที่ 89.59 บาทต่อหุ้น เป็นการเติบโต 11.82% จากปี 2564 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ กลับต่ำกว่าการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 92.49 บาทต่อหุ้น

การคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ถูกคาดการณ์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสิ้นปี 2564 มากนัก โดยจะปิดสิ้นไตรมาสแรกที่ 1,665 จุด สำหรับตลอดปี 2565 ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,546 ถึง 1,782 จุด โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี 65 จะปิดที่ 1,760 จุด

มุมมองด้านการกระจายพอร์ตการลงทุนนั้น นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น 7 ส่วน ตามน้ำหนักการลงทุน มีดังนี้
• เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 10.22%
• กองทุนตราสารหนี้ 16.96%
• หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 29.87%
• หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 28.96%
• กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 8.09%
• ทองคำหรือกองทุนทองคำ 5.35%
• อื่นๆ 0.57%

ส่วนของการลงทุนหุ้นไทยนั้น นักวิเคราะห์แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจการเกษตรปิโตรเคมี การแพทย์และการท่องเที่ยว

ส่วนหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน คือ ธุรกิจโรงแรม และสายการบิน รวมถึงหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากปัจจุบันแม้ราคาหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะลดลงมาบ้าง แต่ยังคงมีราคาเกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐาน