อดีตเลขาฯ กกต. แจงตัดสิทธิหัวหน้าพรรคการเมือง ปมถือหุ้นสื่อ ไม่กระทบรับรองส่งผู้สมัคร

336
0
Share:
จรุงวิทย์ อดีตเลขาฯ กกต. แจงตัดสิทธิหัวหน้าพรรคการเมือง ปมถือ หุ้นสื่อ ไม่กระทบรับรองส่งผู้สมัคร

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว. และอดีตเลขาธิการ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ยกเคสตัวอย่างอธิบายข้อกฎหมาย กรณีการถือหุ้นสื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าถูกตัดสิทธิปมถือหุ้นสื่อ ซึ่งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ได้มี กำหนดข้อห้ามการเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนไว้ จึงไม่ได้ส่งผลกับ ส.ส. ที่เซ็นรับรองและชนะการเลือกตั้ง

โดยข้อความที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ โพสต์ระบุว่า

คำถาม นายนิทรา เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จดทะเบียนโดยถูกต้อง เมื่อมีการเลือกตั้ง นายนิทรา ได้ออกหนังสือรับรองให้ผู้สมัครของพรรคไปยื่นสมัครรับเลือกตั้ง นายนิทรา ลงสมัครแบบบัญชีรายชื่ิของพรรค และได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาภายหลังจากวันเลือกตั้ง มีผู้ร้องเรียนว่า นายนิทรา ถือหุ้นสื่อ Utv หากศาลตัดสินว่าถือหุ้นสื่อ utv จริงการถูกตัดสิทธิ จะมีผลถึงการรับรองผู้สมัคร ทำให้การรับรองจากนายนิทราไม่ชอบต้องจัดการเลือกตั้งใหม่หมดหรือไม่อย่างไร

ตอบ นายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีการจัดตั้งฯ โดยชอบด้วยกฎหมาย มีชื่ออยู่ในข้อบังคับพรรคการเมืองที่มีนายทะเบียนพรรคการเมือง รับรองประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีการเลือกตั้งนายนิทรา หัวหน้าพรรคการเมือง ออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา (primary) เพื่อเป็นหลักฐานในการสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ตาม ม.56 พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ ม.45 พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ ภายหลังวันเลือกตั้ง

หากศาลตัดสินว่า นายนิทรา ถือหุ้นสื่อมาก่อนเลือกตั้ง 5 ปี แม้ว่า นายนิทรา ออกหนังสือรับรองให้กับผู้สมัครในช่วงขาดคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้าม แต่ก็เป็นคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของนายนิทรา ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

แต่การลงนามรับรองให้กับผู้สมัครของพรรค เป็นการรับรองในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมือง ก็มิได้ห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน แต่อย่างใด ตาม ม.16 ,24,9 พร.ป.พรรคการเมือง ประกอบ ม.98 รธน.