อดีต ส.ส.ร. 40 วิเคราะห์ ส.ว.และ ส.ส.รัฐบาลเดิมเตรียมเจอกระแส ‘พิธา-ก้าวไกลฟีเวอร์’

204
0
Share:
อดีต ส.ส.ร. 40 วิเคราะห์ ส.ว. และ ส.ส.รัฐบาลเดิมเตรียมเจอกระแส พิธา - ก้าวไกล ฟีเวอร์

นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวถึงการจับมือของผู้นำ 6 พรรคการเมือง และการแถลงข่าวจะร่วมกันตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ 310 เสียง หนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า แสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นชัดเจนในการกอดคอกันของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เคยเป็นฝ่ายค้านมา 4 ปี โดยที่สถานการณ์ขณะนี้กล่าวได้ว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน และพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาเปรียบเสมือนคนไข้มีอาการภาวะบีบรัดหัวใจในขั้นเริ่มต้น การไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ทำให้เสียงโหวตไม่ถึง 376 เสียงกำลังถูกกระแสสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์จะรุนแรงขึ้นตามลำดับ

ซึ่งการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองคือ องค์กรนักศึกษา องค์กรประชาธิปไตย องค์กรประชาสังคมออกแถลงการณ์ จัดเสวนาสอบถามความเห็นประชาชน กดดัน ส.ว.ให้เคารพฉันทามติประชาชนที่โหวตเลือกพรรคก้าวไกลถึง 14.2 ล้านเสียง เกิดปรากฎการณ์พิธา ฟีเวอร์ พรรคเพื่อไทย 10 ล้านเสียง รวมแล้วเกือบ 25 ล้านเสียง ขณะที่พรรคขั้วรัฐบาล ได้คะแนนโหวตน้อยมาก ทำให้คาดการณ์ได้ว่า การรณรงค์ของฝ่ายประชาธิปไตยจะขยายวง กระจายไปทั่วทั้งประเทศเพื่อเรียกร้องกดดัน ส.ว.และ ส.ส.พรรคขั้วรัฐบาลประยุทธ์ให้หันมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายบุญเลิศ กล่าวว่า ภาวะบีบรัดหัวใจในทางการแพทย์ถือว่าเป็นโรคอันตรายที่อาจถึงกับเสียชีวิตได้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางโรคหัวใจ น้ำในเยื่อหุ้มหัวใจมากจนเกิดการบีบรัดหัวใจ มีอาการหัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดดำที่คอโป่ง ความดันเลือดต่ำ ฟังเสียงหัวใจได้เบาลง ผู้ป่วยเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเร่งด่วน ไม่ต่างไปจากอาการทางการเมืองของ ส.ว. และ ส.ส.ฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้

ดังนั้นจึงเชื่อว่า กระแสสังคมจะก่อตัว ทวีความหนักหน่วงเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และจะทนไม่ได้ หากส.ว.ซึ่งได้ชื่อเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย กินเงินเดือนภาษีประชาชนแต่ไม่เคารพเสียงของประชาชน รวมทั้ง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา หากดื้อดึงไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ตามหลักการประชาธิปไตย ความเสียหายต่อชื่อเสียง ความไม่น่าเชื่อถือ จะเป็นตราบาปติดตัวและติดพรรคไปตลอด สภาวการณ์เช่นนี้ หัวใจของ ส.ว. และ ส.ส.อาจจะช็อกก็เป็นได้