อธิบดีกรมควบคุมโรคคาดสิ้นปีนี้ ฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกได้ 85%

345
0
Share:
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประชุมนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2565 ว่า คาดว่าในสิ้นปี 2564 นี้ การฉีดวัคซีนโควิด -19 ใน เข็มที่ 1 จะได้ร้อยละ 85 และ เข็มที่ 2 จะได้ร้อยละ 70 หากแบ่งเป็นรายเดือน สิ้นเดือน ต.ค.จะได้เข็มที่ 1 ร้อยละ 58 และ เข็มที่ 2 ได้ร้อยละ 40 ส่วนในเดือน พ.ย.เข็มที่ 1 จะได้ ร้อยละ 74 เข็มที่ 2 ได้ร้อยละ 65
.
ทั้งนี้ เป้าหมายของประชากรที่รับวัคซีนยังคงเป็นกลุ่ม 608 และหากแบ่งเป็นรายพื้นที่ พื้นที่สีแดง มีการฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 70 ขณะนี้กำลังเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มพื้นที่สีฟ้า พื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เปิดเมืองได้ และ ต้องเร่งฉีดในโรงเรียน เพื่อให้สามารถเปิดเรียนได้ใน เดือนพ.ย.
.
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนสูตรการฉีดวัคซีนของไทย ขณะนี้คือ ซิโนแวค ตามด้วย แอสตราฯ และคาดว่าซิโนแวค ล็อตสุดท้ายได้มีการกระจายไปในพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเตรียมพร้อมฉีด และคาดว่าในต้น พ.ย.จะมีการปรับสูตรฉีดใหม่ เป็นแอสตรา ตามด้วย ไฟเซอร์ ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกก็ยอมรับแล้วว่า การฉีดสูตรไขว้ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี โดยมีการฉีดวัคซีนเชื้อตายเป็นพื้นที่ก่อนและตามด้วยวัคซีนไวรัลเวกเตอร์ จากนั้นตามด้วยวัคซีนชนิด m-RNA ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในขณะนี้ ก็จะทยอยฉีดให้กับกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มก่อน เนื่องจากระดับภูมิคุ้นกันมีระยะเวลาประมาณ 6 เดือน คือคนที่ได้รับวัคซีนในเดือน มี.ค.,เม.ย.และ พ.ค. และ มิ.ย. ตามลำดับ
.
ส่วนความกังวลของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการรับวัคซีนชนิด m-RNA ว่า ควรได้รับ 1 โดส หรือเท่ากับ 100 ไมโครกรัม หรือควรได้รับวัคซีน ครึ่งโดส หรือ 50 ไมโครกรัม อย่างไหนมีประสิทธิภาพ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากันนั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า แม้ว่าการรับวัคซีนแค่ครึ่งโดส ในผลการศึกษาวิจัยต่างประเทศจะระบุว่า ให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันดี แต่ไม่ได้มีการระบุว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่นานแค่ไหน อีกทั้ง คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ระบุว่าการรับวัคซีนครบโดส ให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และ ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่ดีแต่ยังไม่มีผลศึกษาวิจัยชัดเจนว่าอยู่ได้นานแค่ไหน