อนามัยโลกเตือนกลุ่มเพศสัมพันธ์เพศเดียวกัน-ข้ามเพศ ระวังโรคฝีดาษลิง

401
0
Share:
โรคฝีดาษลิง

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า ภาวะการติดโรคฝีดาษลิงในอเมริกาเหนือ และยุโรปมีสาเหตุสำคัญลำดับต้นๆจากการมีเพศสัมพันธ์ในเพศชายด้วยกัน ซึ่งได้รับการยืนยันมีการติดเชื้อ และมีผู้เข้าข่ายติดเชื้อรวม 200 ราย นอกจากนี้ มีแนวโน้มสูงมากที่จะมีผู้ติดโรคฝีดาษลิงเพิ่มมากขึ้น
นายแพทย์โรซามันด์ ลิวอิส ซึ่งทำการวิจัยโรคฝีดาษลิง องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ในช่วง 5 ผ่านมา พบผู้ติดโรคฝีดาษลิงจำนวนน้อยในยุโรป และในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่าเป็นครั้งแรกที่พบจำนวนผู้ติดโรคดังกล่าวในหลายประเทศในเวลาเดียวกันกับที่ผู้ติดโรคฝีดาษลิงไม่เคยมีประวัติเดินทางไปยังแอฟริกา

ขณะที่กองทัพทหารในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ประเทศต่างๆในทวีปยุโรปเผชิญการติดโรคฝีดาษลิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของโรคฝีดาษลิงในยุโรป

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า เชื้อไวรัสกลุ่มพอกซ์วิริเด (Poxviridae) จะเกิดการแพร่กระจายเชื้อผ่านวิธีการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่มีเชื้อไวรัสกลุ่มดังกล่าว สัตว์ หรือวัตถุที่มีการปนเปื้อนของกลุ่มไวรัสพอกซ์วิริเด เชื้อไวรัสนี้จะผ่านเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทางแผลฉีกขาดบนผิวหนัง การหายใจ ดวงตา จมูก และปาก ถึงแม้ว่าการติดเชื้อไวรัสกลุ่มนี้ระหว่างคนสู่คนจะเกิดจากละอองของสารคัดหลั่งก็ตาม การติดเชื้อในลักษณะแบบนี้ต้องเป็นการพบหน้ากันและใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากเชื้อไวรัสกลุ่มพอกซ์วิริเด ไม่สามรถล่องลอยไปเกินกว่า 2-3 ฟุต
ศูนย์ CDC ประเมินว่าจะพบผู้ติดโรคฝีดาษลิงมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาภายในอีกหลายสัปดาห์ที่จะมาถึง ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว พบว่า มี 1 ใน 10 รายที่ติดเชื้อไวรัสกลุ่มพอกซ์วิริเด

นายแพทย์จอห์น บรูคส์ ศูนย์ CDC สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ขอเตือนไปยังผู้ชายกลุ่มรักร่วมเพศ หรือ Gay และกลุ่มรักร่วมและข้ามเพศ หรือ Bisexual ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้เกิดการแพร่โรคฝีดาษลิง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อดังกล่าว สามารถป่วยด้วยโรคฝีดาษลิง ไม่ว่าจะมีผู้ป่วยคนนั้นจะมีลักษณะการมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบใดก็ตาม โรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศ แต่โรคดังกล่าวสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิดทางเพศ รวมถึงการร่วมเตียงนอนเดียวกันกับผู้มีเชื้อไวรัสกลุ่มพอกซ์วิริเด

สำหรับอาการของโรคฝีดาษลิงนั้น นายแพทย์จอห์น บรูคส์ ศูนย์ CDC สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า จะมีอาการดังนี้ มีอาการไม่แตกต่างจากการมีไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่นตามร่างกาย รู้สึกอ่อนแรง ต่อมน้ำเหลืองปูดบวม จากนั้นจะมีอาการพัฒนาไปเป็นภาวะผื่นคันบนลำตัว ได้แก่ ใบหน้า มือ เท้า ตา ปาก หรือ อวัยวะเพศ ซึ่งจะกลายเป็นฝีพุพองในที่สุด

แพทย์หญิง เจนนิเฟอร์ แมคควิสตั้น ศูนย์ CDC สหรัฐอเมริกา เปิดเผยต่อไปว่า จากข้อมูลการศึกษาในแอฟริกา พบว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ หรือโรคไข้ทรพิษ สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ราว 85% ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีสต็อกวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษในรุ่นเก่าที่เรียกว่า ACAM2000 เป็นจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ FDA เรียบร้อยเพื่อวัตถุประสงค์ใช้กับกลุ่มผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงกับโรคฝีดาษ อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ ACAM2000 นั้น จะปรากฏอาการข้างเตียงเกิดขึ้น ดังนั้น การตัดสินใจใช้วัคซีนดังกล่าวต้องได้รับการหารืออย่างจริงจังเสียก่อน

นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังมีสต็อกวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิง มีชื่อว่า จินนีออส (Jynneos) ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย มีจำนวนมากกว่า 1,000 โดส โดยใบ้สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเป็นผู้มีความเสี่ยงกับโรคฝีดาษ หรือโรคฝีดาษลิง การฉีดวัคซีนจินนีออสนี้ ต้องฉีด 2 โดส และมีข้อดี คือไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย