อย่าพึ่งดีใจ ทิสโก้เตือนตลาดหุ้นสหรัฐ-ทั่วโลกปี 66 ยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังค้างสูง

271
0
Share:
อย่าพึ่งดีใจ ทิสโก้ เตือน ตลาดหุ้นสหรัฐ -ทั่วโลกปี 66 ยังมีแรงกดดันจาก เงินเฟ้อ ยังค้างสูง

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ และกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2566 ตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐ จะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้น และมีความเสี่ยงยังต่ำกว่ามากโดยมองว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ระดับราว 4% ในปัจจุบันนั้น ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และได้สะท้อนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดไปมากแล้ว

หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยไปหยุดที่ 5% ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ตามที่คาดไว้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปีหน้าอาจจะทรงตัวอยู่ระดับใกล้เคียง 4% ในช่วงปลายปีนี้ ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงในปีหน้าตามการทยอยลดลงของอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐ

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น สามารถรอจังหวะเข้าทยอยสะสมอีกครั้งเมื่อดัชนี S&P 500 ลงมาต่ำกว่าระดับ 3,600 จุด โดยเน้นลงทุนในหุ้นเฮลท์แคร์ที่กำไรไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ และโตได้ในระยะยาว และหุ้นเทคโนโลยีที่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก และมีแนวโน้มฟื้นตัวในภาวะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นขาลงในปี 2566

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ และกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ธนาคารทิสโก้กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนมุมมองการลงทุนข้างต้น มาจากที่ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ อย่าง S&P 500 ฟื้นตัวขึ้นมาราว 12% จากจุดต่ำสุดของปีนี้ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม โดยตลาดหุ้นปรับขึ้นมารับข่าวตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด และเฟดออกมาส่งสัญญาณว่าในการประชุมเดือนธันวาคม 2565 นี้จะเริ่มชะลอความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยลงจาก 0.75% ต่อการประชุม ลงเหลือ 0.50%

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ และกลยุทธ์ทิสโก้ ประเมินว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน ได้สะท้อนข่าวดีจากการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว เพราะในอดีตตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P 500) จะฟื้นตัวขึ้นเฉลี่ย 12% ในช่วง 6 เดือนหลังเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 ดังนั้น จึงมองว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนข่าวดีเรื่องการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม 2565 และการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าไปมากแล้ว

ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ และกลยุทธ์ทิสโก้คาดว่า ในปีหน้าอาจเห็นการเทขายหุ้นได้อีกระลอก เพราะคาดว่าในปี 2566 อัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะยังค้างสูงเกินกว่าระดับ 4% ห่างไกลจากเป้าหมายของเฟดที่ 2% อยู่มาก