นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่าการภาวะธนาคารปฎิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ยังคงสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการ ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 48 ที่สิ้นสุดงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะมีทำยอดขายรวมถึง 13,298 ล้านบาท แต่ต้องลุ้นว่ายอดขายดังกล่าวจะสามารถโอนได้หรือไม่ สาเหตุจากธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้มากน้อยอย่างไร ลูกค้าจะมีการทิ้งเงินจองมากน้อยแค่ไหน ในการจัดงานปีผ่านไป พบว่างานมหกรรมครั้งที่ 47 ที่มีการถูกปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 40%
สำหรับผลสำรวจภาวะการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปี 2568 จากผู้ประกอบการสมาชิกสมาคม 17 ราย กว่า 200 โครงการทั่วประเทศ ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2568 พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อทรงตัวระดับสูงกว่า 39-40% กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น
ด้านผู้กู้มีปัญหาหลักสำคัญ คือ 37.3% มีภาระหนี้สูงเกินไป ต่อมา 33.3% มีรายได้ไม่มั่นคง และ 31.6% มีประวัติทางการเงินไม่ดี ด้านธนาคารมีการปฏิเสธสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย 25.5% เกณฑ์ที่เข้มงวด มี 12.8% ระบบเอกสารซับซ้อน 12.8% และ 17% ใช้เวลาพิจารณานาน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้า และแรงงานอิสระ ซึ่งแม้จะมีความสามารถในการชำระหนี้ แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานรายได้ตามรูปแบบที่ธนาคารยอมรับได้
สำหรับผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น ยังคงมีการปฎิเสธสูงสุดและยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ถัดมาในกลุ่มราคา 3–7 ล้านบาททรงตัวจากไตรมาสก่อน และกลุ่มราคามากกว่า7 ล้านบาทที่ถึงแม้ว่าจะมีอัตราปฏิเสธต่ำสุด แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2568 พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3% ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง