ออมสินปัดตอบแหล่งกู้เงินแจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 ทีดีอาร์ไอมองปรับเกณฑ์ให้ผู้ยากไร้

270
0
Share:
ออมสิน ปัดตอบ แหล่งกู้เงิน แจก ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 ทีดีอาร์ไอมองปรับเกณฑ์ให้ผู้ยากไร้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เรื่องของที่มางบประมาณที่จะนำมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น อยากจะให้ฟังจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นหลัก แต่ในส่วนของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับคำสั่งมาและเป็นสถาบันการเงินของรัฐ มีหน้าที่พร้อมทำตามคำสั่งการของนโยบายรัฐบาลเต็มที่ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งหากอยู่ภายใต้กฎหมายก็พร้อมดำเนินการ และยินดีที่จะดำเนินการด้วย แต่ขอให้มีคำสั่งมา

ส่วนที่รัฐบาลจะไม่ใช้การกู้จากธนาคารออมสิน แต่ยังมีข้อเสนอ ไปสู่คณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อเป็นทางเลือกนั้น นายวิทัย ระบุว่า ประเด็นนี้ไม่ทราบเรื่อง แต่ก็คอยรับคำสั่งนโยบายว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร

ส่วนเรื่องของแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันของโครงการ ทางธนาคารกรุงไทยเป็นคนรับผิดชอบ เพียงแต่มีการประสานผ่านสมาคมธนาคารของรัฐ ซึ่งก็ได้ขอความร่วมมือไปยังธนาคารกรุงไทยและพร้อมรับดำเนินการ แต่หากทางรัฐบาลจะให้ธนาคารออมสินช่วยเหลืออะไรก็พร้อมรับฟังคำสั่ง แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจะใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลักและอาจจะไม่ใช้การกู้จากธนาคารออมสิน เพราะติดขัดเงื่อนไขด้านข้อกฎหมาย แต่ก็เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา

ส่วนกรณีรัฐบาลจะมีการปรับเงื่อนไขในการรับเงินดิจิทัลนั้น นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสจาก สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า การที่รัฐบาลยอมปรับลดเงื่อนไขแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อาจจะแจกเฉพาะผู้ยากไร้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจากการศึกษา พบว่า การแจกเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป จะสร้างกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ประมาณ 40-90 สตางค์ ทุกการใช้จ่าย 1 บาท แต่ถ้ากำหนดการแจกเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น เพราะมีการนำเงินไปใช้ในการครองชีพทันที ดังนั้น ตัวเลขการคูณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอาจสูงถึง 1.2-1.3 เท่า แตกต่างจากการแจกให้คนร่ำรวย หรือ มีฐานะปานกลาง อาจจะนำเงินที่ได้ไปเก็บออม ดังนั้นการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และ ลดจำนวนคนที่ได้เงินดิจิทัล จะทำให้ประสิทธิภาพโครงการดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นักเศรษฐศาสตร์ และ นักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2567 เพราะจากการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะโตได้ 4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิดที่โต 3.6-3.7 % สะท้อนว่าเศรษฐกิจไม่อ่อนแอ และเห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจควรเน้นเรื่องการลงทุน เช่น ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนนต่างๆ เม็ดเงินจะหมุนได้มากกว่าการแจกเงินดิจิทัล ดังนั้น จึงเห็นว่ารัฐบาลควรเก็บเม็ดเงินที่จะใช้แจกเงินดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไว้ใช้ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวจะดีกว่า