อังกฤษกู้เงินสูงสุด กระตุ้นเศรษฐกิจสู้โควิด -19

บีบีซี รายงานว่า ตัวเลขต่างๆ แสดงให้เห็นว่า การกู้ยืมเงินของรัฐบาลอังกฤษ ทะลุ 22.3 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 8.9 แสนล้านบาท เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุด นับตั้งแต่มีการบันทึกรายเดือน เมื่อปี 2536
.
การกู้ยืมดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อชดเชยการใช้จ่ายของภาครัฐ และเงินที่ได้รับจากการเก็บภาษี สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ เผยว่า การระบาดของโควิดส่งผลกระทบอย่างมโหฬารต่อการกู้ยืมเงินของภาครัฐ
.
ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณในเดือนเมษายน รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินทะลุ 214.9 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 8.6 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว 169.1 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 6.8 ล้านล้านบาท
.
สำนักงานอิสระสำหรับการรับผิดชอบด้านงบประมาณ (โอบีอาร์) ประมาณการณ์ว่า เงินกู้จะแตะถึง 372.2 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 14.9 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ (เดือนมีนาคมปีหน้า)
.
รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินในตลาดการเงิน ด้วยการขายพันธบัตร พันธบัตรคือ สัญญาว่าจะชำระเงินให้กับใครก็ตามที่ถือครองไว้ โดยมีการกำหนดวันชำระเงินที่แน่นอน
.
ผู้ที่ซื้อพันธบัตร ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน เช่น กองทุนบำนาญ กองทุนเพื่อการลงทุน ธนาคาร และบริษัทประกันภัย ขณะที่ผู้ฝากเงินทั่วไปก็สามารถซื้อได้บางส่วน
.
การกู้ยืมเงินที่เพิ่มขึ้นทำให้หนี้สินทั้งหมดของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันหนี้สินทั้งหมดของรัฐบาลอังกฤษอยู่ที่ 2.08 ล้านล้านปอนด์ หรือประมาณ 83 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของประเทศเสียอีก

หนี้สินโดยรวมของอังกฤษ ตอนนี้สูงถึง 100.8% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960
.
โอบีอาร์ จะเผยแพร่คาดการณ์ล่าสุดในสัปดาห์หน้า เมื่อ “ริชิ ซูนัก” รัฐมนตรีคลัง ประกาศการทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณ
.
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับภาครัฐ ต้องเผชิญกับการหยุดจ่ายค่าจ้าง ตามนโยบายการทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งสะท้อนถึงผลประกอบการที่ลดลงของภาคเอกชนในปีนี้
.
กระทรวงการคลังพยายามประคับประคองการเงินสาธารณะ หลังจากใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด
.
รัฐมนตรีคลังกล่าวเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เราใช้เงินกว่า 2 แสนล้านปอนด์ หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาท เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน จากผลกระทบที่ร้ายแรงและเป็นวงกว้างของโควิด”
.