อิสราเอลต่ออายุปิดน่านฟ้าเต็มรูปแบบ ไม่รับต่างชาติถึงสิ้นเดือนธันวาคม

รัฐบาลประเทศอิสราเอล แถลงว่า มีมติประกาศคำสั่งขยายระยะเวลามาตรการปิดพรมแดนน่านฟ้าเต็มรูปแบบกับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนไปถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2564

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รัฐบาลประเทศอิสราเอลประกาศใช้มาตรการปิดน่านฟ้ากับทวีปแอฟริกาไปแล้ว หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในแอฟริกาใต้ และบอทสวาน่าเป็น 2 ประเทศแรกในทวีปแอฟริกา

ด้านกระทรวงสาธารณสุข อิสราเอล เปิดเผยว่า ในขณะนี้ประเทศอิสราเอลตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนสะสมเป็นจำนวน 90 ราย และยังกลุ่มเสี่ยงเข้าข่ายติดสายพันธุ์ดังกล่าวอีก 150 ราย ซึ่งกำลังรอผลการตรวจเชื้อเป็นครั้งสุดท้าย

ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในประเทศอิสราเอล พบว่า ฉีดครบโดสครอบคลุม 57% ของประชาชนทั้งประเทศที่ 9.4 ล้านคน ในจำนวนนี้หมายถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์รวมอยู่ด้วย หรืออาจจะมีผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนซีนเข็มกระตุ้นในช่วง 5 เดือนให้หลังจากรับเข็มที่ 2 เป็นต้นมา อิสราเอลใช้วัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เป็นหลักในการฉีดให้กับประชาชน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ประเทศอิสราเอล รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 15 ธันวาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 627 ราย ส่งผลต่อยอดติดเชื้อสะสมเป็น 1,352,403 ราย อยู่อันดับที่ 33 ของโลก ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 8,227 ราย

ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล ได้มีมติสั่งห้ามประชาชนเดินทางไปยังอีก 7 ประเทศเพิ่มเติมได้แก่ อาหรับเอมิเรตส์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส และสวีเดน ซึ่งกระทรวงฯ จะกำหนดให้เป็น “พื้นที่สีแดง” เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 ธ.ค.เป็นต้นไป

และชาวอิสราเอลทุกคนที่กลับมาจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ รวมถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนและผู้หายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว จะต้องกักตัวอย่างน้อย 7 วัน สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่อิสราเอล ยกเว้นกรณีการเดินทางด้านมนุษยธรรมที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพิเศษของรัฐบาล