อิสราเอลปิดน่านฟ้ากับสหรัฐ ห้ามประชาชนไปอเมริกามีผลอังคารนี้

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นาฟตาลี เบนเน็ตต์ แถลงว่า ประกาศคำสั่งห้ามประชาชนชาวอิสราเอลเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้มีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนตรง หรือ 24.00 น. ของวันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2564 เป็นต่นไป จนกว่าจะมีประกาศคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นในอนาคต สาเหตุจากรัฐบาลอิสราเอลพิจารณาให้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงของโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบการระบาดพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน ชาวต่างชาติที่ไม่มีสัญชาติอเมริกันซึ่งเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกานั้น จะถูกปฏิเสธเข้าประเทศอิสราเอลทุกกรณี

นอกจากนี้ รัฐบาลอิสราเอลประกาศเพิ่มรายชื่อห้ามเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงโรคระบาดโควิด-19 ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี เบลเยียม ฮังการี โมร็อกโก แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ และตุรกี ส่งผลให้ข้อมูลถึงวันนี้ 20 ธันวาคม 2564 รัฐบาลอิสราเอลสั่งห้ามประชาชนเดินทางไปต่างประเทศรวมถึง 50 ประเทศทั่วโลก

ในขณะที่ ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสหรือไม่ รวมถึงที่ฉีดเข็มบูสเตอร์ด้วยนั้น เมื่อเดินทางถึงประเทศอิสราเอล ต้องเข้ารับการกักตัวนาน 14 วัน ไม่มียกเว้นทุกกรณี

เมื่อวานนี้ นายนาฟตาลี เบนเน็ตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่าอิสราเอลกำลังตกอยู่ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 5 จากไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน และขอให้ประชาชนเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนรวมทั้งใช้มาตรการป้องกันตัวเอง เช่น การทำงานอยู่ที่บ้าน เป็นต้น

อิสราเอลซึ่งมีประชากร 9.4 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อโอไมครอนยืนยัน 134 คน และสงสัยว่าติดเชื้อ 307 คน โดยในจำนวนนี้แสดงอาการ 167 คน

ทั้งนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 705 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสมเป็น 1,355,491 ราย อยู่อันดับที่ 33 ของโลก ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ ทำยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 8,232 ราย