อีลอน มัสก์ ลั่นอีกครั้งสรุปปลดพนักงานทวิตเตอร์ 3,700 คน ถึงครึ่งของทั้งบริษัท

221
0
Share:
อีลอน มัสก์ ลั่นอีกครั้งสรุป ปลดพนักงาน ทวิตเตอร์ 3,700 คน ถึงครึ่งของทั้งบริษัท

นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น และในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด ซึ่งคาดว่าจะขึ้นเป็นซีอีโอทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงาน 3,700 คน หรือคิดเป็น 50% ของพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 7,000 คนในปัจจุบัน สำหรับการปลดพนักงานจำนวน 3,700 คนนี้ จะประกาศแจ้งให้พนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดภายในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ นายอีลอน มัสก์ เตรียมยกเลิกนโยบายการทำงานของพนักงานจากที่ใดก็ตามโดยไม่ต้องเข้าสำนักงาน ให้กลับมาทำงานในสำนักงานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะมีการอนุโลมให้เป็นบางกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากเท่านั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์สื่อโซเชียลดังระดับโลกด้วยมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.67 ล้านล้านบาท เสนอแผนตัดลดค่าใช้จ่ายทวิตเตอร์ด้วยการปลดพนักงานมากเกือบ 75% ของทั้งหมดในปัจจุบัน นั่นหมายถึงพนักงานของทวิตเตอร์จะตกงานมากกว่า 5,500 คน ลงมาเหลือเพียงกว่า 2,000 คนจากในปัจจุบันที่มีกว่า 7,500 คน

ข้อเสนอการปลดพนักงานมากเกือบ 75% ของทวิตเตอร์ เป็นหนึ่งในแผนที่นายอีลอน มัสก์ เสนอต่อธนาคาร และนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเงินทุนซื้อกิจการทวิตเตอร์ให้กับมหาเศรษฐีนายอีลอน มัสก์

การปรับโครงสร้างบริษัททวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เกิดขึ้นมาหลังผ่านช่วงกลางปีนี้เป็ยต้นมา โดยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าเตรียมปลดพนักงานราว 30% หรือมีจำนวนเกือบ 100 คนจากพนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน สาเหตุจากต้องตัดลดค่าใช้จ่ายท่ามกลางภาวะรายได้ที่ตกต่ำจากผลกระทบของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในสหรัฐอเมริกาในรอบ 41 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งยังรอความชัดเจนของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา ที่ต้องการซื้อกิจการทวิตเตอร์ทั้งหมด

ทั้งนี้ การซื้อกิจการทวิตเตอร์มีความไม่แน่นอนมาตลอด เนื่องจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา เสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ด้วยมูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.67 ล้านล้านบาท ต้องการให้ทวิตเตอร์จัดการกับบัญชีทวิตเตอร์ปลอม หรือที่ไม่มีตัวตนแท้จริง ก่อนที่จะนำไปสู่การตกลงซื้อกิจการทั้งหมด ทวิตเตอร์เปิดเผยต่อมาว่า ได้ทำการลบบัญชีทวิตเตอร์ปลอม หรือที่ไม่ได้ใช้งานเนื่องจากไม่มีเจ้าของแท้จริง หรือเป็นบัญชีที่มีการส่งข้อความปลอมออกมากถึง 1 ล้านบัญชี