“อุตตม”ยันรัฐบาลยังใช้งบในกรอบวินัยคลัง

687
0
Share:

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวในระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลว่า รัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น และให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เช่นในปี 2557-2558 เศรษฐกิจไทยประสบภาวะชะลอตัว ดังนั้นรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องตั้งงบประมาณขาดดุล ซึ่งเป็นความจำเป็นเพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงจูงใจให้เอกชนมาลงทุนในประเทศมากขึ้น และให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้
.
จึงจะเห็นว่าในปี 2557 เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวเพียง 1% ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.9% ในปี 2560 และประมาณ 4% ในปี 2561 โดยยืนยันว่าการใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณนั้น ยังอยู่ภายใต้วินัยการเงินการคลัง ซึ่งมี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ กำกับดูแลอยู่
.
ส่วนหนี้สาธารณะของไทยในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 42% ต่อจีดีพี ลดลงจากสิ้นปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 43% ต่อจีดีพี ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่จะต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี
.
ส่วนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การสร้างหนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งหนี้ครัวเรือนของไทยนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการสร้างรายได้ หรืออสังหาริมทรัพย์ เช่น การซื้อบ้าน ตลอดจนสินเชื่อที่มีหลักประกันอื่นๆ
.
แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังดูแลการก่อหนี้ครัวเรือนอย่างครบวงจร และเห็นว่าควรจะต้องมีหน่วยงานกลางในการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยใช้แนวทางในการช่วยปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสม
.
ดังนั้นจะเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับวินัยการเงินการคลังอย่างมาก จึงทำให้สถานะทางการการเงินการคลังของไทยได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น ทั้งจากฟิทช์ เรตติ้ง และมูดี้ส์ ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนต่อภาวะการเงินการคลังของไทยที่อยู่ในระดับน่าพอใจ