เอสเอ็นอี รีเสิร์ช ซึ่งเป็นสำนักวิจัยแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีจำนวน 6 ใน 10 คัน หรือ 60% ล้วนติดตั้งแบตเตอรี่ไฟฟ้าจากบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าสัญชาติจีน และมีสัดส่วนมากถึง 80% ของชิ้นส่วนแคโทด (Cathode) ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้านั้น มีการผลิตในประเทศจีน
ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า แบตเตอรี่ไฟฟ้าคิดเป็นระหว่าง 30-40% ของต้นทุนในการผลิตรถอีวี โดยทั่วไปแล้ว ราคาเฉลี่ยแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศจีนจะคิดเป็น 80% ของในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ เหล็กและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆนั้น สามารถจัดหาจัดซื้อได้ในต้นทุนต่ำประเทศจีน ที่สำคัญ รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการอุดหนุนราคารวมถึงการสนับสนุนอื่นๆ ในด้านวิจัยและพัฒนา รวมถึงสนับสนุนการสร้างโรงงานผลิตด้วย
ดังนั้น ปัจจัยต้นทุนแบตเตอรี่ในจีนที่ต่ำ ทำให้บริษัทสัญชาติจีนจำนวนมากมายเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมและตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในจีน ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ จีน พบว่า ในปี 2023 ผ่านไป มีมากกว่า 50 บริษัทจีนที่จดทะเบียนเพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ หรือเอ็นอีวี (New Energy Vehicle) ซึ่งประกอบด้วย รถไฟฟ้า 100% หรือรถบีอีวี รถไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริดนั้นภายในประเทศจีน
ทั้งนี้ สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า สื่อภายในประเทศจีน ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนพบว่า ด้วยต้นทุนต่ำในการการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าในรถพลังงานใหม่ ได้เป็นปัจจัยที่สำคัญข้อหนึ่งที่ผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนล้วนเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ หรือเอ็นอีวี (New Energy Vehicle) ซึ่งประกอบด้วย รถไฟฟ้า 100% หรือรถบีอีวี รถไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริด อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าปี 2025 ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานพลังงานใหม่ในประเทศจีนจะผลิตรถประเภทดังกล่าวรวมมากกว่า 36 ล้านคัน ตัวเลขคาดการณ์นี้มาจากการประเมินของบริษัทเอกชนจีนที่ผลิตรถยนต์ และตัวเลขคาดการณ์จากภาครัฐบาลในจีน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ตัวเลขยอดขายภายในปี 2025 จะมีทั้งหมด 17 ล้านคัน ส่งผลให้มีสต็อกของรถยนต์พลังงานใหม่ล้นตลาดถึงเกือบ 20 ล้านคันในปีหน้า