เคทู เมดิคอล ส่ง เคทู เอสธีติค เปิดตัว “NHH” แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไต้หวันรุกไทย

270
0
Share:
เคทู เมดิคอล ส่ง เคทู เอสธีติค เปิดตัว NHH แบรนด์ สกินแคร์ สัญชาติไต้หวันรุกไทย

นายไมเคิล เย่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสกินแคร์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าตลาดรวม 8.34 หมื่นล้านบาทเติบโต 7-8% ขณะเดียวกันยังมีการแข่งขันที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจากผู้เล่นทั้งแบรนด์ในประเทศและเคาน์เตอร์แบรนด์จากต่างประเทศ ที่มุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันคือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละช่วงของอายุ ส่งผลให้ 5 ปีที่ผ่านมาตลาดสกินแคร์ขยายขอบเขตมากขึ้น แต่ผู้นำตลาดยังคงเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศและ Organic Brand

ในปี 2566 นี้ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีบริษัทย่อย เคทู เอสธีติค เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม จึงรุกเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ในประเทศไทย โดยนำเข้าแบรนด์ NHH จากประเทศไต้หวันซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัด LONICA เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยให้ Sodium Hyaluronate ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวชั้นใน ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจาก บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด เบื้องต้นจะทำตลาดใน 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ Hyaluronic Acid Treatment Essence ,Hyaluronic Acid Treatment Cream, Hyaluronic Acid Treatment Lotion, Hyaluronic Acid Skin Renewal facial wash, Hyaluronic Acid Energy Toner, Hyaluronic Acid Herbpro Acne เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยรุ่น Y2K

Ms.Hsieh Hui-Ping ประธานบริษัท บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด ผู้คิดค้น และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม จากธรรมชาติ อันดับหนึ่งในประเทศไต้หวัน กล่าวว่า แบรนด์ NHH ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ A+ PERDU ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆในประเทศไต้หวัน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ที่ส่วนผสมหลักคือสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ 100% ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก ตลอดจนกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไต้หวันมายาวนาน รวมถึงเป็นตัวแทนของประเทศไต้หวันในการเข้าร่วมประชุม APEC 2022 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย

การขยายตลาดมายังประเทศไทยครั้งนี้ มองว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับสภาพผิวและสามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการบำรุงผิวผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์จากไต้หวันในตลาดประเทศไทยมากนัก นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับ NHH และ A+ PERDU จะเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้บริโภค

ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนสำหรับปีนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานใน 2 ส่วนคือ งบสำหรับการลงทุนสร้างศูนย์พัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าแต่ละวัย รวมถึงผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 ปี 2566 ส่วนที่ 2 เป็นงบสำหรับการทำการตลาด สร้างแบรนด์และการขยายกลุ่มลูกค้า และตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯให้ได้ภายใน 4 ปี