เงินบาทร่วงแย่หนักสุดในสกุลเงินเอเชีย เหตุรัสเซียเปิดสงครามรุนแรงกับยูเครน

499
0
Share:

ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2565 อยู่ที่ 33.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งร่วงอ่อนค่าลงถึง 77 สตางค์ หรือ -2.36% เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เงินบาททำสถิติร่วงอ่อนค่าที่ให้ผลตอบแทนย่ำแย่มากที่สุดในสกุลเงินเอเชีย นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทย SET Index ร่วงลงกว่า 2% นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นวันแรกที่รัสเซียเริ่มต้นใช้กำลังทหารอย่างรุนแรงโจมตีประเทศยูเครน

สาเหตุจากนักลงทุนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนหันไปถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเป็นรองจากทองคำ ที่สำคัญ นักลงทุนประเมินผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยจะมีมากขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรที่มีกับรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการคว่ำบาตรพลังงานที่ส่งผลทางตรงกับราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปในไทยมีราคาพุ่งสูงในรอบหลายสิบปี

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่พึ่งพา และนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมาก ไทยนำเข้าน้ำมันดิบมีสัดส่วนมากถึง 14.5% เป็นอันดับ 5 จากการจัดอันดับทั้ง 13 ประเทศในแถบเอเชียและโอเชียเนีย ที่สำคัญ นำเข้ามากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองจากสิงคโปร์ที่นำเข้ามากที่สุดอันดับ 1 ในอาเซียน โดยมีสัดส่วนที่ 18.5% อยู่อันดับ 4 ขณะที่ 3 อันดับแรกที่นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีสัดส่วน 25.6%, 22.3% และ 20.0% ตามลำดับ

โนมูระ โฮลดิ้งส์ อินคอร์ปอเรชั่น กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยเมื่อคืนสัปดาห์นี้ว่า ไทย อินเดีย และฟิลิปปินส์ เป็น 3 ประเทศในเอเชียที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากที่สุดในเอเชียกับสถานการณ์วิกฤตรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครน
สาเหตุจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตความขัดแย้งรุนแรงของทั้ง 2 ประเทศนั้น จะส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากระดับที่สูงมากในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวช้า และกระทบค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง

เมื่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้น 10% จะกระทบอัตราเงินเฟ้อของประเทศอินเดีย และฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 0.4% และกระทบเงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้น 0.3% นั่นหมายถึงราคาค่าขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายอุปโภคพื้นฐาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าประปา เป็นต้น จะมีต้นทุนสูงขึ้น
ประเทศที่พึ่งพาการสั่งนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเป็นปริมาณมากนั้น ย่อมทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลในปัจจุบัน อาจมีการขาดดุลเพิ่มมากขึ้น และเป็นปัจจัยลบต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในประเทศ

ทั้งนี้ โนมูระ โฮลดิ้งส์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียในปี 2565 พบว่า 3 อันดับแรกที่อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีจะชะลอตัวในปี 2565 ได้แก่ อินเดีย -0.2% ฟิลิปปินส์ -0.1% ไทย -0.1% ขณะที่สิงคโปร์จะเสมอตัวที่ 0% อินโดนีเซีย +0.1%
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของอินเดียจะเพิ่มขึ้น +0.4% ฟิลิปปินส์ +0.4% ไทย +0.3% สิงคโปร์ +0.2% อินโดนีเซีย +0.1%