เงินบาทวันนี้เปิดที่ 36.40 บาท ทรงตัว แม้มีแรงหนุนจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ECB

267
0
Share:
เงินบาท วันนี้เปิดที่ 36.40 บาท ทรงตัว แม้มีแรงหนุนจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ECB

ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยภาวะตลาดเงินวันนี้ว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.45 บาทต่อดอลลาร์

โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน ในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์เสี่ยง หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดได้เน้นย้ำ เฟดจะยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย จนกว่าจะควบคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ นอกจากนี้ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ซึ่งลดลงสู่ระดับ 2.22 แสนราย ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้และสะท้อนภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ก็ยิ่งหนุนให้ผู้เล่นในตลาดคาดว่า เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน (CME FedWatch Tool ระบุโอกาสกว่า 86% ที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย สูงขึ้นจาก 77% ในวันก่อนหน้า)

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็พลิกกลับมาปรับตัวดีขึ้นและปิดตลาดในโซนบวกได้ โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.66% หนุนโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน (Bank of America +3.2%, JP Morgan +2.3%) ที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างเข้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิ กลุ่มการแพทย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว หากเฟดเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นราว +0.50% หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) +0.75% ตามคาด สู่ระดับ 0.75% และส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จนกว่า ECB จะสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้

ด้านตลาดบอนด์ แนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นต่อสู่ระดับ 3.32% เข้าใกล้จุดสูงสุดในปีนี้ ที่ระดับ 3.50% มากขึ้น แต่ธนาคารกรุงไทยมองว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเริ่มชะลอลง หากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าออกมาชะลอลงมากกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลให้บรรดาผู้เล่นต่างรอจังหวะเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ระยะยาว ในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 3.50% ไปได้หรือไม่

เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน sideways โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 109.7 จุด โดยแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์นั้นมาจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลัง ECB เร่งขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

ทั้งนี้ตลาดจะรอจับตาการประชุมของบรรดาผู้นำประเทศในสหภาพยุโรป (EU Summit) ที่จะหารือกันถึงมาตรการรับมือวิกฤตพลังงานที่อาจเกิดขึ้น หลังรัสเซียมีแนวโน้มยุติการส่งแก๊สธรรมชาติให้กับยุโรป จนกว่ายุโรปจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยประเมินว่า ยุโรปมีโอกาสที่จะผ่านพ้นวิฤตพลังงานไปได้ หากสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวไม่ได้เลวร้ายมากนัก หลังอัตราการสำรองแก๊สธรรมชาติได้เร่งขึ้นต่อเนื่องมากกว่าระดับ 80% อีกทั้งหลายประเทศได้เตรียมความพร้อมในการใช้แหล่งพลังงานอื่นเพิ่มเติม อาทิ เยอรมนีได้เตรียมความพร้อมการผลิตพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง

ขณะที่เงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ECB ที่ได้หนุนให้เงินยูโร (EUR) สามารถทรงตัวเหนือระดับ 1.00 ดอลลาร์ต่อยูโรได้ แต่ท่าทีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ยังหนุนเงินดอลลาร์อยู่นั้นก็เป็นปัจจัยที่กดดันไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้มากในระยะสั้นนี้ ซึ่งยังคงต้องติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์ หลังนักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่อง และหากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ยาก อย่างไรก็ดี มองว่า แรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลงได้ หลังเงินบาทส่งสัญญาณกลับตัวเป็นฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจนมากขึ้น