เจ้าของโรงแรมพูดความจริงทัวร์จีนมาพักไม่ถึงครึ่งของก่อนเกิดโควิด การเมืองไม่ชัดเจน

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยเกี่ยวกับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งจัดทำโดยสมาคมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการสำรวจระหว่างวันที่ 10-24 ก.ค. 2566 พบว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานของธุรกิจโรงแรมยังคงใกล้เคียงกับเดือนมิถุนายน โดยกว่า 47% ขาดแคลนแรงงาน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่กระทบต่อจำนวนลูกค้าที่สามารถรับได้ แต่ประเมินว่าช่วงไฮซีซัน หรือในปลายปีนี้ ผู้ตอบผลสำรวจครั้งนี้กว่า 88% มองว่าปัญหาขาดแคลนแรงงานในโรงแรมจะมีมากขึ้น ขณะที่อีก 12% ระบุว่าไม่มีปัญหาในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้

ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่จะจ้างงานแรงงานแบบชั่วคราวเพิ่มขึ้น และเพิ่มทักษะและหน้าที่ของแรงงาน โรงแรมบางแห่งจะใช้เทคโนโลยีหรือระบบอัตโนมัติทดแทนแรงงานมากขึ้น รวมถึงเพิ่มค่าจ้างและค่าทำงานนอกเวลาเพื่อดึงดูดแรงงาน อย่างไรก็ตามราว 20% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะจ้างงานแบบประจำเพิ่มขึ้น

นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยที่กระทบธุรกิจโรงแรมไทย ได้แก่ ความน่ากังวลจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยสมาคมหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดโดยเร็ว พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ เพื่อจะได้เห็นทิศทางของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว หากเกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จากนักท่องเที่ยวลดลงด้วยเช่นกัน

ปัจจัยต่อมา คือ ภาคธุรกิจยังรอความชัดเจนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา อาทิ ปัญหาด้านเที่ยวบินต่างประเทศ ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับความไม่สะดวกในการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ค่าสาธารณูปโภค สนับสนุนมาตรการทางภาษี เช่น ลดภาษีนิติบุคคล ค่าแรงขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่

สำหรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยนั้น โรงแรมส่วนใหญ่ 61% ประเมินว่าในไตรมาส 3 ลูกค้าจีนจะกลับมาเข้าพักไม่เกิน 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปี 2562 หรือเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด โดยส่วนใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาด้วยตัวเอง (FIT) และในไตรมาส 4 คาดว่าลูกค้าจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ 69% ของผู้ตอบมองว่าสัดส่วนลูกค้าจีนที่กลับมายังน้อยกว่า 40% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19