เจ้าสัวบุณยสิทธิ์พร้อมให้ความร่วมมือทุกรัฐบาล ไม่ติดถ้ามีนายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่

278
0
Share:
เจ้าสัว บุณยสิทธิ์ พร้อมให้ความร่วมมือทุกรัฐบาล ไม่ติดถ้ามี นายกรัฐมนตรี เป็นคนรุ่นใหม่

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจว่าปัจจุบันทั่วโลกยังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและส่งออกลดลง ขณะที่ประเทศไทยภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นจากการมีต่างชาติกลับมาเที่ยวเพิ่มขึ้น แสดงว่าไทยยังมีอะไรหลายอย่างเป็นที่สนใจของต่างชาติ เช่น เฮลท์แคร์ เป็นต้น สำหรับแผนธุรกิจของสหกรุ๊ปในปี 2566 แม้จะยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างเป็นทางการ ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องและมากที่สุดในประวัติการณ์ โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหญ่ไม่เคยทำมาก่อนหลายโครงการ เพื่อให้รายได้เป็นตามเป้าที่ตั้งไว้มากกว่า 3 แสนล้านบาท

ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทนายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า ธุรกิจของสหกรุ๊ปเป็นพ่อค้า ค่อนข้างปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ อย่างค่าแรงสูงขึ้น ต้องปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และต้องพยายามไม่ให้ของทุกอย่างขึ้นตามค่าแรง ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาเราก็ให้ความร่วมมือและปรับตัว นี่คือจุดเด่นของเรา

ทั้งนี้ นายบุณยสิทธิ์ได้ฝากการบ้านไปยังรัฐบาลใหม่ด้วยว่า อันดับแรกต้องพัฒนาเศรษฐกิจก่อน ซึ่งไม่ใช่แค่การขึ้นค่าแรง ต้องเพิ่มประสิทธิภาพคน มีการศึกษา ให้คนมีงานทำ ไม่ว่างงาน เช่น พัฒนาด้านเกษตร ให้ราคาสูงขึ้น คนที่ทำเกษตรจะได้ไม่ไหลเข้ามาในภาคอุตสาหกรรม จะทำให้ไม่มีคนว่างงาน ตรงกันข้ามถ้าเกษตรลดลง คนต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพ จะเจอปัญหาเรื่องค่าแรงต่ำสุด ซึ่งเรื่องการขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและบริการ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ต้องลองศึกษาให้ดี เพราะมันมีทั้งดีและไม่ดี ต้องมีการพิจารณาในหลายๆ ด้าน ซึ่งเราเองมีพันธมิตรลงทุนจากญี่ปุ่น ถ้าเกิดค่าแรงสูง บางทีก็อาจจะทำให้มีการย้ายการลงทุนไปเวียดนามได้ อย่างภาคการผลิตเสื้อผ้า ยังไม่ขึ้นค่าแรง ยังย้ายฐานไปเวียดนามมาแล้ว ด้านภาวะค่าเงินบาท ตอนนี้ถือว่าดี แต่อนาคตไม่รู้ ถ้ารัฐบาลใหม่ทำถูกทาง เงินจะเสถียรภาพได้

ถ้าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจจะอายุน้อยที่สุด นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีข้อเสนอแนะ แต่คนรุ่นใหม่มีจุดเด่น คือ ทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็ว และต่างประเทศมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนรุ่นใหม่เก่งๆ อยู่หลายประเทศ ขณะที่ผู้หญิงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกและอายุไม่เกี่ยว

“ส่วนการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีตอนนี้ยังไม่เห็นหน้าตา ไม่สามารถออกความคิดเห็นได้ รวมถึงไม่มีความกังวลต่อนโยบายเก็บภาษีต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น ภาษีความมั่งคั่งหรือการนโยบายการทลายทุนผูกขาด” นายบุณยสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่าจากสถานการณ์โควิดที่ระบาด 3 ปี กับการเมืองแบบเดิมๆ มีความกลัวอะไรมากกว่ากัน นายบุณยสิทธิ์ ตอบสั้นๆ ว่ากลัวโควิดมากกว่า เพราะตอนมีโควิดใหม่ๆ ไม่มียารักษาพอเกิดขึ้นมา ไม่รู้อยู่หรือตาย ตรงนี้น่ากลัว แต่ถ้ามียารักษาอยู่ก็ไม่กังวล

“ปัจจัยเสี่ยงอันดับแรกของการทำธุรกิจปีนี้ คือความมั่นคงของประเทศ ส่วนสถานการณ์การเมืองของไทย เข้าใจว่าเมืองไทยยังดีกว่าประเทศอื่น ผมห่วงคนผู้นำประเทศบริหารไม่เป็นและทำให้เป็นเหมือนประเทศยูเครน” นายบุณยสิทธ์กล่าว

สำหรับทิศทางราคาสินค้าในครึ่งปีหลังนั้น นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูเงินเฟ้อต่างประเทศ ราคาเกษตรในต่างประเทศจะขึ้นหรือไม่ ถ้าขึ้นก็จำเป็นต้องขึ้น เพราะใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากไทยสามารถผลิตเองได้จะคิดราคาต้นทุนเก่าได้ ทั้งนี้เมื่อให้เปรียบเทียบเศรษฐกิจปี 2566 นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า “เหมือนขับรถหรูมัสแตงค์”

ด้านนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการเเละประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าแฟชั่นและความงาม กล่าวว่า หากภาครัฐมีนโยบายขึ้นค่าแรงจริง ภาคเอกชนพร้อมปรับตัวไปกับสถานการณ์ โดยที่ผ่านมาเมื่อมีการขึ้นค่าแรง บริษัทก็ปรับตัวตามตลอด อย่างไรก็ตามประเมินว่าการขึ้นค่าแรงยังไม่แรงเท่าตอนเกิดปัญหาโควิด ซึ่งตอนนั้นถืกว่าหนักที่สุดแล้ว ส่วนค่าไฟก็น่าห่วงพอๆ กับค่าแรง เพราะหลังจากค่าไฟปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟของบริษัทขึ้นมา 30% แล้ว