เชียร์ขึ้นแวท! “ศุภวุฒิ” หนุนรัฐบาลใหม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มได้ผลกว่ารีดภาษีเอกชน

314
0
Share:
เชียร์ขึ้นแวท! ศุภวุฒิ หนุน รัฐบาลใหม่ ขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ผลกว่ารีดภาษีเอกชน

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า หากจะสรุปนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในเวลานี้ จะเห็นแนวโน้มว่าเศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางไหนแล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ 2 ปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้น คือ การทลายระบบทุนผูกขาด และการทำรัฐสวัสดิการ

ประเด็นการทำรัฐสวัสดิการนั้น จะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ต้องจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเอกชนได้ เนื่องจากประเด็นสำคัญ คือ การที่เราจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องนั้น หากมีการเก็บภาษีจากกำไรแล้วจะมีผลต่อความอยากหรือไม่อยากในการลงทุน การเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ การเก็บภาษีซื้อขายหุ้น การเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้น และการเก็บภาษีความมั่งคั่งนั้น จะมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของการลงทุน

นอกจากนี้ ถ้าค่าจ้างขั้นต่ำรายวันเพิ่มขึ้นย่อมส่งผลต่อต้นทุนแรงงานก็เพิ่มขึ้น ถ้าราคาน้ำมันยังแพง มีผลต่อต้นทุนพลังงานสูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนั้น จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเดินต่อไปได้ในภาวะแบบนี้ และตอนนี้ธนาคารพาณิชย์เริ่มไม่ปล่อยสินเชื่อแล้ว

หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการหาแหล่งรายได้จากภาษี เพื่อนำมาจัดทำสวัสดิการสังคม สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ และเป็นวิธีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุน แต่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนเอกชนบ้าง เพราะจะทำให้การบริโภคลดลง คือ การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT กลับไปที่ 10% ในขณะที่การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 80,000 ล้านบาท

ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ดร.ศุภวุฒิ กล่าวถึงประเด็นการลงทุนทางตรง หรือ FDI ว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน 5 ประเทศ คือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย พบว่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ไทยไม่สามารถดึงเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศได้ดีเท่ากับคู่แข่งแล้ว

ในช่วงปี 2016-2021 ไทยสามารถดึงดูด FDI คิดเป็นสัดส่วนเพียง 8.9% เท่านั้น แตกต่างจากในช่วงปี 2001-2006 ที่ไทยมีเงินลงทุนจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงกว่า 40%