เซ็นทรัลพัฒนาโชว์กำไรไตรมาส2 โต 34% แตะ 3,678 ล้าน รับอานิสงส์ท่องเที่ยวหนุนกำลังซื้อ

549
0
Share:
เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ กำไร ไตรมาส2 โต 34% แตะ 3,678 ล้าน รับอานิสงส์ท่องเที่ยวหนุนกำลังซื้อ

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ธุรกิจศูนย์การค้า และธุรกิจที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 /2566 บริษัทมีรายได้รวม 11,133 ล้านบาท โต 22% และกำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท โต 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้น พร้อมเร่งเติมเต็มธุรกิจ non-retail ในโครงการมิกซ์ยูส เปิดโครงการใหม่ตามแผนในปี 2566 ได้แก่ โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับ โรบินสันบ้านฉาง เดือนพฤษภาคม และคอนโดมิเนียม เอสเซ็นท์ เพชรบุรี เดือนมิถุนายน

อีกทั้งเดินหน้าแแผนธุรกิจ 5 ปี สร้างระบบธุรกิจที่แข็งแกร่งภายใต้โมเดล ‘The Ecosystem for All’ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งมิติ ของ People (ด้านชุมชน และสังคม) และ Planet (ด้านสิ่งแวดล้อม) ผ่านโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้แก่ โครงการ “Sustainable Tourism Ecosystem” ผลักดันการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวลงลึกถึงชุมชน เพื่อกระจายรายได้ สร้าง Local Wealth ให้กับชุมชนท้องถิ่นทั่วไทย โดยใช้จุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่เป็นเดสติเนชั่นด้านไลฟ์สไตล์และช้อปปิ้ง และมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางด้านการท่องที่ยว

เดินหน้า Journey to NET Zero 2050 จัดงานกรีนเอ็กซ์โปแห่งปี “Better Futures Project” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับโลก พร้อมทั้งริเริ่ม Green Initiatives ใหม่ๆ เช่น จับมือ Green Partnership การไฟฟ้านครหลวง MEA และ SCG ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ร่วมกับร้านค้าและพันธมิตร, วางแผนออก Sustainability linked loan / bond ใหม่ 10,000 ล้านบาท และ เตรียมเปิดตัว Low Carbon Mall ศูนย์การค้าต้นแบบรักษ์โลกแห่งแรกที่ Central Westville ในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมตอกย้ำการเป็นเดสติเนชั่นในทุกเทศกาล ชูความสำเร็จจากการจัดงาน THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023 “PRIDE FOR ALL” สุดยิ่งใหญ่ สร้างปรากฏการณ์รวมตัว LGBTQIAN+ กว่า 500 ชีวิต ที่มาร่วมขบวนพาเหรดสะบัดธงสีรุ้ง สัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยตั้งเป้าดันประเทศไทยให้เป็น Top of Pride Destination ระดับโลก ดึงดูดทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงได้รับรางวัลการันตีอย่างต่อเนื่อง

ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 39 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ, ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกะ บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 6 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 29 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI ที่เชียงใหม่ เชียงราย บางนา และดอนเมือง

โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (กำหนดเปิด 29 พ.ย.66) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (Q1/2567) เซ็นทรัล นครปฐม (Q2/2567) เซ็นทรัล กระบี่ (Q4/2567) และโครงการอื่นๆ ที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 6 โครงการ (NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 2 โครงการ) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Mega Mixed-use “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ กองทรัสต์ CPNREIT ไตรมาส 2 ปี 2566 เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ CPN มีรายได้รวม 1,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ ส่วนทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้วและยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน