เด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษาพุ่งถึง 1.2 ล้านคน การอ่านออกเขียนเเนวโน้มพุ่งลงกว่า 30%

750
0
Share:
การศึกษา

นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มีบทบัญญัติให้การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ และโอกาสในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึง โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ และโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ

แต่ในปัจจุบันจากการสำรวจของหน่วยงานสำคัญต่างๆ เช่น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และสถาบันอุดมศึกษา พบว่า มีเด็กจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ต้องออกจากระบบการศึกษา และไม่จบการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถสรุปปัญหา และสาเหตุที่เด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้แก่ กลุ่มเด็กที่มีความจำเป็น หรือมีเงื่อนไขส่วนตัวบางอย่าง ที่ไม่สามารถเข้าเรียนตามระบบได้ เช่น ครอบครัวยากจน กำพร้า กลุ่มเด็กอพยพย้ายถิ่นตามผู้ปกครอง กลุ่มที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียน กลุ่มที่มีปัญหาพฤติกรรม ที่ส่งผลให้ถูกพักการเรียน หรือให้ออกจากสถานศึกษา

ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาเด็กออกกลางคัน ยังคงมีความรุนแรงมากขึ้น และจากข้อมูลพบว่า ในแต่ละปีมีเด็กออกกลางคันมากถึง 2% จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด เมื่อนับรวมกับเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคนแล้ว จะพบว่าในเด็กไทยทุกๆ 100 คน จะมี 16 คน ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ นอกจากนี้งานวิจัยของยูนิเซฟ พบว่าความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ของเด็กไทย มีแนวโน้มลดลงกว่า 30% ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อทางเลือกในการดำเนินชีวิต การทำงาน ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวในอนาคตของเด็กกลุ่มนี้

ทางด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สั่งการให้หน่วยงานในกำกับ ศธ.เร่งแก้ปัญหาเด็กออกนอกระบบ หรือปัญหาเด็กออกกลางคันโดยเร่งด่วน สกศ.ซึ่งทำหน้าที่เข็มทิศของประเทศด้านการศึกษา ได้ดำเนินการติดตาม และได้จัดทำโมเดลการศึกษาข้ามภูมิภาค Trans-Regional Education (TRE) ในทุกระดับชั้น เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการศึกษาทางเลือก ให้กับผู้เรียนเมื่อพร้อมจะเข้าศึกษา โดยเรียนในรูปแบบโมดูล เป็นรายวิชา เมื่อจบวิชานั้นๆ แล้ว ก็เก็บสะสมหน่วยการเรียนรู้ หรือธนาคารหน่วยกิต และนำประสบการณ์จากการทำงาน มาเทียบเป็นหน่วยกิตของรายวิชา และสะสมหน่วยกิตไว้กับธนาคารหน่วยกิต ซึ่งสามารถเรียนจบที่สถานศึกษาไหนก็ได้ทั่วประเทศ ขณะนี้อยู่ในระหว่างเลือกสถานศึกษาที่จะเป็นแพตล์ฟร์อม TRE ที่ให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้ง่ายขึ้น