เทขายพรึบ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งเกือบ 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 90 ดอลล์

186
0
Share:
เทขายพรึบ ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดดิ่งเกือบ 200 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 90 ดอลล์

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,641 จุด -195 จุด หรือ -0.56% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,496 จุด -18 จุด หรือ -0.42% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,020 จุด -10 จุด หรือ -0.08%

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลกับความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือนกว่า ซึ่งเป็นผลจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งผิดจากที่คาดการณ์ไว้ ที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบสูงต่อเนื่องจะกดดันเงินเฟ้อย้อนกลับมาสูงขึ้น สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี เพิ่มสูงขึ้น ซี่งสะท้อนแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นอีก

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.3% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดตั้งแต่ตุลาคมปี 2022 หรือในรอบ 10 เดือนเป็นต้นมา ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 9 วันติดกันรวม +7.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 90.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.2% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดเหนือกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 5 วันติดกันรวม +4.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 สอดคลัองกับรัฐบาลประเทศรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง โดยลดผลิตลงวันละ 300,000 บาร์เรลอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2023 เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสจะลดลงถึงวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2023

การประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก และรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกที่มากที่สุดในโลก รวมกันวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อไปอีก 3 เดือน กลายเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของตลาดพลังงานโลก เนื่องจากเดิมคาดการณ์ว่าทั้ง 2 ประเทศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น

ด้านธนาคารยูบีอส เอจี เปิดเผยว่าเมื่อซาอุดีอาระเบียและรัสเซียลดกำลังการผลิตรวมกันถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกตึงตัวอย่างมากขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ โดยปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่พอต่อการบริโภคทั่วโลกถึงวันละ 1.5 ล้านบาร์เรล ที่สำคัญ ธนาคารยูบีเอส เอจี ปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ขึ้นใหม่เป็น 95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ทะยานเพิ่มถึง 20% นับตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนผ่านมา

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,926.21 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -12.58 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.6% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,952.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -18.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.7% ทำสถิติราคาทองคำปิดต่ำขในรอบ 1 สัปดาห์ผ่านมา

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้นจากที่เคยทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญดังกล่าวในคืนผ่านมา

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายนนี้ อยู่ที่ระดับ 95% จากเดิมที่ระดับ 93% ขณะที่โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 60% จากเดิมที่ระดับ 63%