เทขายราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลงเกือบ 2% ปิดเหลือกว่า 82 ดอลลาร์ หวั่นวิกฤตอสังหาจีนลุกลาม

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 76.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.6% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +3.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.10%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 82.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +4.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.99%

ย้อนไปในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ พบว่าราคาทั้ง 2 แห่งปิดทะยานขึ้นกว่า 6% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2023 หรือหลังจาก 1 สัปดาห์ให้หลังจากกลุ่มฮามาสติดอาวุธเปิดฉากโจมตีอิสราเอล

สาเหตุจากนักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากศาลสูงในฮ่องกงตัดสินให้บริษัทพัฒนาอสังริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนแผ่นดินใหญ่มีชื่อว่าไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยกเลิกกิจการ และขายสินทรัพย์เพื่อชำระบัญชีทั้งหมดนำไปจ่ายเจ้าหนี้รวมมูลค่าสูงถึง 12 ล้านล้านบาท ตอกย้ำวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ที่ลุกลามข้ามปี

ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%