เทม้วนเดียว! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 200 จุด

290
0
Share:

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 30,772 จุด -208 จุด หรือ -0.67% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,801 จุด -17 จุด หรือ -0.45% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,247 จุด -17 จุด หรือ -0.15%

สาเหตุจากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเหนือคาดหมาย และพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคมมาอยู่ที่ระดับ 9.1% ซึ่งจะกลายเป็นสถิติเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 41 ปี นอกจากนี้ เงินเฟ้อขั้นพื้นฐานซึ่งตัดราคาอาหารและพลังงานออกไป พบว่า เพิ่มขึ้น 5.9% สูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 5.7% ทำให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นมากถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน จากในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 1.5%-1.75%

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 99.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งดำดิ่งอย่างหนักถึง -27% และ -29% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบจากราคาสถิติสูงสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลเข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market สมบูรณ์แบบ

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งถูกเทขายอย่างหนักมากถึง -10.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลนั้น ทำสถิติส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำมากที่สุดอันดับ 3 นับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายครั้งแรกเมื่อปี 1988 หรือในรอบ 34 ปี ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ทำสถิติดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 1 วัน คือ -16.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม

สาเหตุจากภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกยังคงอยู่ในสถานะตึงตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางนักลงทุนกังวลกับมาตรการล็อกดาวน์ และจำกัดการใช้ชีวิตของจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งใหม่ เมื่อพบการระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายมณฑลและเมืองสำคัญที่คาดว่ากระทบประชาชนถึง 30 ล้านคน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบจะลดลง นอกจากนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับ 6 สกุลสำคัญ พุ่งทะยานแตะ 108.56 ทำสถิติแข็งค่าในรอบใกล้ 20 ปีอย่างต่อเนื่อง หรือตั้งแต่ตุลาคม 2002 ความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และกลุ่มโอเปกเปิดเผยรายงานความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2566 พบว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่วันละ 2.7 ล้านบาร์เรล เมื่อเปรียบเทียบกับในปีนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,731.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +7.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.4% ยังคงมีราคาปิดใกล้เคียงสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจาก ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนในสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงถึง 9.1% ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปรับแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี ในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ในช่วงก่อนปิดตลาด ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากการทำกำไรช่วงสั้น ประกอบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นสวนทางกับอายุ 10 ปี ที่ลดต่ำลง