เทส่งท้ายปี! ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงจบวันสุดท้ายของปี 66 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลง -20 จุด

61
0
Share:
เทส่งท้ายปี! ตลาด หุ้น สหรัฐ ปิดร่วงจบวันสุดท้ายของปี 66 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลง -20 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายในปีนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,689 จุด -20 จุด หรือ -0.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,769 จุด -13 จุด หรือ -0.28% และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 15,011 จุด -83 จุด หรือ -0.56%

ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 สามารถปิดในแดนบวกถึง 9 สัปดาห์ติดต่อกัน ไม่เพียงทำสถิติยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปี หรือตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังเป็นดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 19 ปี หรือตั้งแต่ปี 2004 นอกจากนี้ ในปี 2023 ดัชนีปิดพุ่งทะยานสูงถึง +24.2% และเข้าใกล้สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ ขณะนี้ ยังห่างอีก 0.5% ที่จะทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งเดิมมีสถิติอยู่ที่ 4,796.56 จุด และเหลืออีก 1.4% ที่จะทำสถิติดัชนีสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งเดิมมีสถิติอยู่ที่ 4,818.62 จุด

สอดรับกับ ดัชนีหุ้นนาสแดคสามารถปิดเหนือ 15,000 จุดเป็นวันที่ 4 ต่อเนื่อง หลังจากปิดหลุด 15,000 จุดต่อเนื่องถึง 2 วันติดกันในช่วงปลายสัปดาห์ผ่านไป ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ 20 ธันวาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดเหนือ 15,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี หรือตั้งแต่เมษายน ปี 2022 ขณะนี้ ยังเหลืออีก 9% ที่จะทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และเหลืออีก 10% ที่จะทำสถิติดัชนีสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

นอกจากนี้ ในสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +0.65%, +0.22% และ +0.14% ตามลำดับ ในเดือนธันวาคมนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +4.89%, +4.72% และ +6.11% ตามลำดับ สอดรับกับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +12.54%, +11.55% และ +14.19% ตามลำดับ ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงคืนผ่านมา ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +13.77%, +24.58% และ +44.22% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นนาสแดคกำลังทำสถิติดัชนีหุ้นรายปีปิดพุ่งมากที่สุดในรอบ 20 ปี หรือตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้น ดัชนีพุ่งกระฉูดถึง +50.01%

ในสัปดาห์นึ้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.65%, +0.22% และ +1.4% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญรายสัปดาห์ทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้นแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติปิดรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 2019 ซึ่งในเวลานั้น ปิดต่อเนื่องยาวนานถึง 9 สัปดาห์ เช่นเดียวกันกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 จะทำสถิติปิดรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2017 และดัชนีหุ้นนาสแดค จะทำสถิติปิดรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน ปี 2023

สาเหตุจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นรอบใหม่หลังจากตัวเลขรายจ่ายบริโภคส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานและทั่วไปเดือนพฤศจิกายน พบว่าลดต่ำลงจากที่คาดการณ์ไว้ และยังเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน หรือตั้งแต่เมษายน 2020 ท่ามกลางการตีความวิเคราะห์ในตลาดเข้าใจกันว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยดังกล่าวถึง 3 ครั้งในปี 2024 แต่นักลงทุนยังมั่นใจว่าสิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด หลังจากการกล่าวของประธานเฟดภายหลังสิ้นสุดการประชุมมีมติตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 3 ต่อเนื่องเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมผ่านไป นอกจากนี้ ตลาดยังมองว่าเฟดยังส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะมีขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า 2024

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า มีโอกาสอยู่ที่ 90% จากเดิมที่ 72% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรก 0.25% ในเดือนมีนาคมปี 2024

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ปิดทำการวันสุดท้ายของปีนี้ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2023 พบว่า ในปี 2023 ดัชนีหุ้น SET Index ปิดที่ 1,415.85 จุด ปิดร่วงระนาว -252.81 จุด หรือดำดิ่งถึง -15.15% ส่งผลดัชนีหุ้นไทย SET Index ปิดร่วงลงแดนลบติดอันดับ 10 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายใน 10 ตลาดหุ้นในทวีปเอเชีย โดยมีตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่อยู่อันดับ 8 ดัชนีหุ้นดิ่ง -12% ตามด้วยตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีหุ้นฮั่งเส็งดิ่ง -14% อยู่อันดับ 9