เทหุ้นทิ้ง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 260 จุด

314
0
Share:

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,910 จุด -269 จุด หรือ -0.81% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,115 จุด -44 จุด หรือ -1.08% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 12,086 จุด -88 จุด หรือ -0.73%

สาเหตุจากสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเกิดภาวะถดถอยมีสูงมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนรอติดตามการแถลงตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ และการประกาศผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 122.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.3% มีราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 123.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.3% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินในสหรัฐอเมริกาสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน เมื่อมีปริมาณลดต่ำลง 8 แสนบาร์เรลจากที่คาดว่าจะต้องเพิ่มถึง 1.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ท่ามกลางราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินไร้สารมีราคาพุ่งขึ้นแตะแกลลอนละ 4.95 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์แต่ปริมาณน้ำมันเบนซินในสหรัฐอเมริกากลับลดลง พนักงานในโรงกลั่นน้ำมันดิบที่ประเทศนอร์เวย์ประกาศผละงานประท้วงในวันที่ 12 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,855.30 อลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +0.17% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นเคลื่นไหวในช่วงแคบๆ แต่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 3%