เที่ยวไม่ฟื้น! ภูฏานลดค่าเหยียบแผ่นดินลง 50% ยอดนักท่องเที่ยวไม่เข้า เศรษฐกิจซบเซา

รัฐบาลประเทศภูฏานประกาศลดค่าธรรมเนียมการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือค่าเหยียบแผ่นดินลง 50% สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศภูฏาน โดยมีผลตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ไปถึงเดือนกันยายน 2027 หรือ 4 ปี

ดังนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศภูฏานจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ดังกล่าวที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,500 บาทต่อคนต่อคืน จากเดิมที่ต้องจ่ายสูงถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7,000 บาทต่อคนต่อคืน

สำหรับค่าธรรมเนียมดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,275 ต่อคนต่อคืน เป็น 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7,000 ต่อคนต่อคืน ในปีที่รัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 สิ้นสุดลงเมื่อปีผ่านมา

สาเหตุจากตลาดท่องเที่ยวในประเทศภูฏานฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้านับตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ผ่อนคลายลง จำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีนี้มาเดือนพฤษภาคม พบว่ามีจำนวนชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเพียงกว่า 56,000 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย 42,000 คน หรือ 75% ของทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจะได้รับการยกเว้นให้จ่ายค่าธรรมเนียมการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือค่าเหยียบแผ่นดินเพียง 14.5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 508 บาทต่อคนต่อคืน

สถานการณ์ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้าของประเทศภูฏาน ส่งผลกระทบไปถึงการจ้างงาน และรายได้ของประชาชนในประเทศภูฏานด้วย ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นั้น ในปี 2019 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมามากถึง 315,600 คน เพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ประเทศภูฏานเปิดตลาดท่องเที่ยวในปี 1974 ซึ่งเป็นปีแรกโดยมีนักท่องเที่ยวเพียง 300 คน ภูฏานมีการจ้างงานในประเทศราว 50,000 คน สร้างรายได้ถึง 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,940 ล้านบาทในช่วง 3 ปี

รัฐบาลภูฏานตั้งเป้าหมายตลาดท่องเที่ยวที่จะต้องสร้างรายได้จากเดิมในสัดส่วนเล็กน้อยเพียง 5% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของมูลค่าเศรษฐกิจภูฏานที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 105,000 ล้านบาท