เนสท์เล่ขึ้นราคาสินค้าทั่วโลกกว่า 5% ส่งสัญญาณปรับราคาขึ้นอีกในอนาคต

470
0
Share:
เนสท์เล่

เนสท์เล่ บริษัทผลิตสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายยี่ห้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้ามากกว่า 5% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา สาเหตุจากต้นทุนในการผลิตพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนสท์เล่ต้องส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่แพงมากขึ้นไปยังผู้ซื้อสินค้าด้วยการปรับขึ้นราคาขายทั้งหมด

เนสท์เล่ เปิดเผยต่อไปว่า ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เนสท์เล่ปรับขึ้นราคาสินค้ามากที่สุดของทุกภูมิภาคทั่วโลกโดยปรับขึ้นถึง 8.5% ถัดมาเป็นภูมิภาคละตินอเมริกาที่ปรับราคาขายขึ้น 7.7%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอเนสท์เล่ นายมาร์ค ชไนเดอร์ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาขายของสินค้าในเครือเนสท์เล่จะยังมีขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงมากขึ้น ทำให้ต้นทุนเงินเฟ้อผู้ผลิตพุ่งสูงตาม

ด้านผลประกอบการของเนสท์เล่ พบว่า มียอดขายเพิ่มขึ้น 5.4% ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ แบรนด์สำคัญที่ทำผลประกอบการเนสท์เล่ได้ดี คือ พูริน่า ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารแมว เนสคาเฟ่ และคิทแคท ซึ่งคาดไว้ว่าตลอดทั้งปี 2565 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นราว 5% ขณะที่ ผลกำไรในปี 2565 นั้น เนสท์เล่คาดว่าจะมีกำไรระหว่าง 17% ถึง 17.5% ในขณะที่เมื่อปี 2565 เนสท์เล่มีกำไรอยู่ที่ 17.4%

ทั้งนี้ ทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อพุ่งทะยานในรอบเกือบเกินครึ่งศตวรรษ เริ่มจาก สหรัฐอเมริกามีอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2565 สูงถึง 8.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปี ทวีปยุโรปมีอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2565 สูงถึง 7.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 25 ปี เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป มีเงินเฟ้อสูงถึง 30% ในเดือนมีนาคมผ่านมา ทำสถิติเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 73 ปี