เปิดยอดรถถูกยึดคืนถึงเดือนละ 20,000 คัน อาจถึงเดือนละ 30,000 คัน คาดทั้งปีนี้เพิ่ม

เมื่อวานนี้ 24 สิงหาคม 2566 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒน์เป็นห่วงหนี้เสียที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่ม เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการถูกยึดรถยนต์ ในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนรถยนต์โดนยึดเฉลี่ยเดือน 20,000 คัน คาดว่าหากหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีก รถยนต์อาจจะถูกยึดถึง 25,000-30,000 ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ได้สอบถามไปยังค่ายรถยนต์ในประเด็นนี้ แต่ได้รับคำยืนยันว่าค่ายรถยนต์ไม่กังวลในเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ ผู้บริหาร เต็นท์รถยนต์มือสองชื่อว่า โย รัชดา และอดีตนายกสมาคมผู้ประกอบการรถใช้แล้ว กล่าวว่า สถานการณ์หนี้เสียรถยนต์เพิ่มขึ้นจริง เนื่องมาจากมาตรการพักชำระหนี้ต่าง ๆ ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ลูกหนี้ต้องกลับมาผ่อนรถตามปกติ ลูกหนี้ที่ยังไม่ฟื้นจากสถานการณ์โควิด เกิดปัญหาผ่อนรถไม่ไหว ทำให้ต้องมีการยึดรถยนต์ แต่เชื่อว่าโดยจำนวนรถที่ถูกยึดในปี 2566 นี้ คาดว่าไม่ถึง 1 ล้านคัน โดยปกติแล้ว ในปีที่ผ่านๆมา จำนวนรถถูกยึดและเข้าลานประมูลจำนวนปีละ 200,000-300,000 คันเท่านั้น ปี 2566 นี้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจมีรถถูกยึดไม่ถึง 400,000 คัน

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เปิดเผยว่า ในปี 2566 คาดว่าจำนวนรถยนต์ที่ถูกยึดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากสภาพตลาดรถยนต์ในปี 2563-2564 เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและชะลอการยึดรถ แต่ภายหลังหมดมาตรการแล้ว จะเห็นการไหลเพิ่มขึ้นของจำนวนรถถูกยึด ส่วนหนึ่งมาจากผ่อนชำระไม่ไหว หรือปล่อยให้สถาบันการเงินยึดรถไปเลย

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2566 ด้วยเหตุปัจจัยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนและภาคบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลดลง การสนับสนุนการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการต่างๆ ตลอดจนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง จึงคาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังคงฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น คาดว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา