เพื่อไทยโต้ผู้ว่าแบงก์ชาติ ตั้งรัฐบาลช้าคือสุญญากาศเศรษฐกิจกระทบประชาชน

188
0
Share:
เพื่อไทย โต้ผู้ว่าแบงก์ชาติ ตั้งรัฐบาล ช้าคือสุญญากาศ เศรษฐกิจ กระทบประชาชน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกรรมการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นในงานสัมนาของ ธปท. ว่าตนมีความเห็นอยากแลกเปลี่ยน 5 ประเด็น คือ

1. เข้าใจความกังวลของผู้ว่าแบงก์ชาติเรื่องประชานิยม ซึ่งหากรัฐบาลใหม่หมายถึงรัฐบาล พท. นโยบายนี้ก็คงจะหมายถึงดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ประชานิยม แต่คือการชุบชีวิตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ กระจายอยู่ทั่วทุกชุมชนทั่วประเทศ และเป็นความจำเป็น ไม่ใช่ทางเลือก ในจังหวะที่ประเทศบอบช้ำ และการสร้างกำลังซื้อตามธรรมชาติไม่ทันการ

โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนของดิจิทัล วอลเล็ต สร้างเงินหมุนได้รวดเร็ว ตรงเป้า เขียนเงื่อนไขและระยะเวลาได้ จะเกิดเงินหมุนที่พลังสูงกว่าและเป็นตัวจุดกำลังซื้อรวดเร็วแม่นยำกว่าแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินรองรับโลกยุคใหม่ พลิกโฉมประเทศ การลงทุนที่จะตามมานั้นมีผลตอบแทนมากกว่าเงินที่ลงทุนไป และทุกนโยบายของพรรค พท. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงทางการคลังทุกบาทที่ใช้ต้องมีผลตอบแทนสูง และย้อนกลับมาเป็นความมั่นคงทางการคลังในระยะยาว

2. ตนเห็นตรงกันว่าหนี้ครัวเรือนคือปัญหาใหญ่ แต่เห็นต่างกันที่ต้นตอของหนี้ครัวเรือน ธปท. มองว่าเกิดจากดอกเบี้ยต่ำ คนจึงก่อหนี้เยอะ แต่ข้อเท็จจริงนั้นเกิดจากประชาชนและภาคเอกชนรายได้ทรุดลงอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อการดำรงชีวิต และความอยู่รอดของธุรกิจ พรรคพท.จึงมีนโยบายเข้าแก้ไขปัญหาใน 2 ขั้นตอนทันที 1. แก้หนี้ทันทีทั้งมาตรการพักหนี้เกษตรกร และหนี้เอสเอ็มอีที่เดือดร้อนจากโควิด และ 2. สร้างงานสร้างรายได้ทันที เริ่มจากดิจิทัล วอลเล็ตตามด้วยการดึงรายได้ใหม่เข้าประเทศจากการดูดการลงทุนใหม่ เปิดประเทศด้วยนโยบายต่างประเทศเชิงรุกทันทีเป็นต้น

3. ตนเห็นแย้งกับ ธปท. ที่ไม่กังวลกับการตั้งรัฐบาลช้า แต่การขาดงบลงทุนใหม่หลายแสนล้านบาทไปครึ่งปีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจ เสมือนรถใส่เกียร์ว่าง ไร้คันเร่ง ที่กำลังถูกแซงไปครึ่งปี สำคัญกว่านั้นคือส่วนที่ไม่ใช่งบประมาณ ค่าเสียโอกาสของประเทศจากการชะลอการลงทุน การสูญเสียความเชื่อมั่น การย้ายฐานการผลิต ความสูญเสียในตลาดทุน และการขาดทิศทางของประเทศ เหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้ คือสุญญากาศทางเศรษฐกิจ

4. เสถียรภาพกับศักยภาพของสถาบันการเงิน ตรงนี้เห็นต่างที่ผ่านมาไทยติดกับดักคำว่าเสถียรภาพ สร้างธนาคารเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่ถูกใช้เป็นกลไกผลักดันทางเศรษฐกิจไปสู่รากหญ้าและเอสเอ็มอีเพราะกลัวความเสี่ยงและกันคนเสี่ยงออกนอกระบบ จนการสร้างศักยภาพจากฐานของประเทศยังทำได้ไม่ดีพอ

และ5. พรรค พท. หากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จจะเดินหน้าพลิกโฉมประเทศสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยวิธีคิดแบบใหม่ สร้างรายได้แบบใหม่ ทัศนคติใหม่ แนวทางการบริหารแบบใหม่ สู่การพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย และสร้างการทำงานประสานระหว่างนโยบายทางการคลังกับนโยบายทางการเงินอย่างไร้รอยต่อ