เฟดคาดต้องใช้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอย่างต่ำ 32 ล้านล้านบาท

570
0
Share:

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนรู้สึกสบายกับตัวเลขภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านไป แม้จะผ่านมาได้ 6 เดือน แต่ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่หมดไป รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความชัดเจนเด็ดขาด นอกจากนี้ การขยายตัวทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และภาวะการจ้างงานในสหรัฐในปัจจุบันยังไม่สามารถกลับมาได้เหมือนก่อนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
.
ประธานเฟด แถลงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไป หลังจากการประชุมเป็นเวลา 2 วัน เสร็จสิ้นในคืนที่ผ่านมา สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจากธนาคารกลางสหรัฐนั้น ประธานแบงค์ชาติสหรัฐ ยืนยันว่ายังคงใช้มาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในระบบการเงิน หรือที่เรียกว่ามาตรการคิวอีต่อไป ที่เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าเดือนละ 3.84 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม เฟดได้เริ่มพิจารณาเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการสินเชื่อฉุกเฉิน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นี้
.
ด้านนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลปี 2008 ชื่อดังระดับโลก และเป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา นายพอล ครุกแมน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความจำเป็นที่ต้องได้รับมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นอีกไม่น้อยกว่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่าเดือนละ 50,000 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 สร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจและแรงงานชาวอเมริกันที่กำลังจะออกจากงานเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้ มีแรงงานอเมริกันตกงานรวมกว่า 11 ล้านคนจากช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐเคยประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังต้องการเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 32 ล้านล้านบาท ในช่วงตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเป็นต้นมา แพ็คเกจฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐทั้งจากรัฐบาลและเฟดมีรวมกันกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 96 ล้านล้านบาท