เฟดยังไม่หยุดครึ่งปีหลัง ราคาน้ำมันดิบโลกพลิกร่วงเกือบ 2% ฉุดราคาเหนือ 68 ดอลลาร์

144
0
Share:
เฟดยังไม่หยุดครึ่งปีหลัง ราคา น้ำมันดิบ โลกพลิกร่วงเกือบ 2% ฉุดราคาเหนือ 68 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 68.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.7%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 5.00-5.25% ตามที่ตลาดคาดไว้ แต่ประธานเฟดกลับแถลงอย่างชัดเจนว่า เฟดจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.5% ในช่วงที่เหลือของครึ่งปีหลัง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริการอบใหม่ ที่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนการเงินที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่องในอนาคต

นอกจากนี้ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านบาร์เรล ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลงราว 500,000 บาร์เรล ขณะที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ ไออีเอ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกปีนี้ขึ้นอีกวันละ 200,000 บาร์เรล มาอยู่ที่วันละ 2.4 ล้านบาร์เรล ทำให้ปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 102.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ด้านธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในปีนี้ลงถึง 9 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล