เร่งฟื้นตัว! โฆษกรัฐบาล เผย ไทยเร่งเจรจา FTA  คาดปี 67 การส่งออกไทยโต 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

192
0
Share:

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำหนดนโยบายเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยหนึ่งในปัจจัยผลักดัน คือ ขยายตลาดการส่งเสริมการ ส่งออก คาดสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2567 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.99% คิดเป็นมูลค่า 287,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดทำแผนเร่งผลักดันการส่งออกในการสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย ด้วยการดำเนินการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ประกาศแผนการทำงานควิกวิน ซึ่งจะดำเนินงานผ่านการสร้างโอกาสทางการค้าสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น จีน ตะวันออกกลาง พร้อมรักษาตลาดเดิมด้วยการผลักดันการเจรจา FTA กับคู่เจรจา พร้อมขยายความร่วมมือทางการค้ากับเมืองรองต่างๆ รวมถึงการบูรณาการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำงานเชิงรุกในการเชื่อมสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลกทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมการส่งออก Soft Power ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการของไทยในกลุ่มต่างๆ เช่น อาหาร มวยไทย ท่องเที่ยว ด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งผนวกการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ได้แก่ การนำสินค้าไทยไปให้บริการบนเครื่องบินการบินไทย การขับเคลื่อนให้ภาครัฐเป็นรัฐบาลดิจิทัล และปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น อุตสาหกรรมสีเขียว และการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อีกทั้งยังได้จัดทำแผนยกระดับด่านการค้าชายแดน โดยจะขับเคลื่อนผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพของด่านชายแดนและการจัดตั้งศูนย์บริการการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) ใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการส่งออกสินค้า ซึ่งเมื่อการดำเนินการทุกปัจจัยเป็นไปตามแผนที่กำหนด กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า จะทำให้ไทยส่งออกในไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ได้เฉลี่ยเดือนละ 25,743 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2567 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.99% คิดเป็นมูลค่า 287,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากการขยายตลาด นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกด้านการส่งออกให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถส่งออกสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุน รวมทั้งสนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก ส่งเสริมสินค้า บริการ ไทยสู่ตลาดใหม่ ขยายตลาดการค้าการลงทุนผ่านการเจรจาเชิงรุก พร้อมรักษาตลาดเดิมด้วยการยกระดับความร่วมมือ ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากเป็นไปตามการดำเนินการทุกทางที่รัฐบาลกำหนดนี้ ตัวเลขการค้าจะเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์อย่างแน่นอน ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน เพิ่มรายได้ให้แก่พี่น้องคนไทยมากขึ้น