เวิลด์แบงก์ชี้ “อาหาร-พลังงาน” จะแพงลากยาว 3 ปี เศรษฐกิจเสี่ยงภาวะถดถอย

426
0
Share:
เวิลด์แบงก์

ธนาคารโลก ได้ออกรายงานว่า สงครามที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งสร้างความเสียหายต่อระบบการค้า การผลิต และการอุปโภคบริโภคทั่วโลก ซึ่งแนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Markets Outlook) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกอาหารซึ่งผลิตโดยรัสเซียและยูเครนนั้น ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 มีความเสี่ยงมากขึ้นโลกจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความเสี่ยงเรื่องราคาสินค้าและพลังงานยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2024 นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และจะกระทบต่อต้นทุนค่าครองชีพทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาปุ๋ยซึ่งจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต พุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551

ราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นกว่า 50% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 และ 2567 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และเพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2564 และคาดว่าราคาจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 92 ดอลลาร์ในปี 2566 แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ราคายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาสินค้านอกกลุ่มพลังงาน เช่น สินค้าโภคภัณฑ์และโลหะ คาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปี 2565 และจะลดลงในปีต่อ ๆ ไปหลังจากนั้น และจะได้เห็นราคาพลังงานทะยานขึ้นมากที่สุดตั้งแต่วิกฤติราคาน้ำมันในปี 1973

ยังคาดการณ์ด้วยว่า ราคาข้าวสาลีจะทะยานขึ้นกว่า 40% และแตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และคาดว่าราคาโลหะจะปรับตัวขึ้น 16% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 แต่ก็จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้สงครามยืดเยื้อ หรือมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็จะพุ่งขึ้นอีก และจะมีความผันผวนมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในปัจจุบัน