เศรษฐกิจไทยฟุบชาวกรุงยันปริมณฑลแห่ขายที่อยู่ท่วมกว่า 900,000 ล้านบาท ไม่มีคนเช่า

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้มีการประกาศขายที่อยู่อาศัยมือสองออกสู่ตลาดมากขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนที่เคยซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า มีภาระต้นทุนการเงินและค่าผ่อนเพิ่มสูงมากจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดเช่าก็ไม่ค่อยดี เพราะกำลังซื้อไม่มี คนไม่มีรายได้ จะขึ้นค่าเช่าก็ไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่จัดตั้ง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน เช่น ค่าแรงจะขึ้นไม่ขึ้น คนจึงไม่ค่อยมั่นใจ

ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า จะเห็นได้ชัดเจนในขณะนี้ว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง เนื่องจากช่วงปลายปี 2565 มีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ไปจำนวนมาก ประชาชนตอบรับมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% เพราะในปี 2566 แม้รัฐบาลจะต่ออายุมาตรการให้ แต่ลดให้เพียง 1% จึงทำให้ต้นปีที่ผ่านมาตลาดบ้านมือสองชะลอตัวและคาดการณ์จะชะลอตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2566

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยการสำรวจข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2566 พบว่า ตลาดโดยรวมยังทรงตัว มีจำนวนที่อยู่อาศัยประกาศขายประมาณ 160,000 หน่วย รวมมูลค่าประมาณ 900,000 บาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีผ่านมา ถือว่าลดลงไม่มาก ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 1.7% แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้น 5.8% เนื่องจากบ้านราคาต่อหน่วยสูงถูกโอนมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท

สำหรับประเภทที่อยู่อาศัยมีการประกาศขายมากที่สุด คือบ้านเดี่ยว 45% อันดับ 2 คือ ทาวน์เฮาส์ อันดับ 3 คือ คอนโดมิเนียม ในแง่จังหวัดมีมูลค่าประกาศขายสูงสุดอยู่กรุงเทพฯและปริมณฑล 50% มีดังนี้ กรุงเทพฯ 27% นนทบุรี 8% สมุทรปราการ 6% ปทุมธานี 7% และสมุทรสาคร 2%