“เศรษฐา” เชื่อไม่มีอุบัติเหตุการเมือง ขอก้าวไกลและเพื่อไทยยึดมั่นธงประชาธิปไตย

166
0
Share:
เศรษฐา เชื่อไม่มีอุบัติเหตุการเมือง ขอ ก้าวไกล และ เพื่อไทย ยึดมั่นธงประชาธิปไตย

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล แจ้งยกเลิกหารือกับคณะเจรจาเพื่อไทย วาระตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 มิถุนายน เป็นการย้ำในจุดยืน ที่พรรคเพื่อไทย ได้เคยเสนอไปตั้งแต่การเจรจาครั้งแรก ซึ่งมีการระบุในเอ็มโอยู ที่ยังมีข้อคาใจว่า ต่างฝ่ายต่างได้เก้าอี้ 14+1 แต่ยังไม่ได้ตกลงกัน ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา

แต่มั่นใจว่า เรื่องนี่จะจบลงด้วยดี ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันและตั้งรัฐบาล ส่วนเรื่องประธานสภา ยังพอมีเวลา 3-4 วัน เชื่อว่าจะออดมาด้วยดี ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรหยุดยั่งการตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ทรยศ และเราต้องเคารพเสียงของประชาชน รับฟังทุกเสียง แม้แต่เสียงความคิดเห็นของ ส.ส.ในพรรค และกรรมการบริหารพรรคทุกคน แต่คิดว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ธงหลักต้องไม่เปลี่ยน ฝ่ายประขาธิปไตยจับมือกันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้ได้ จะได้มีรัฐบาลใหม่ เข้ามาร่วมกันบริหารประเทศ และแก้ปัญหาให้ประชาชน

นายเศรษฐา กล่าวยืนยันว่า การตกลงกันไม่ได้ ยืดเวลาช้าออกไป ไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการแข่งขันจบไปตั้งแต่การเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมแล้ว และเซ็นต์เอ็มโอยูกันแลัว ทุกอย่างต้องเดินหน้าเชื่อว่าทั้งสองพรรคจะคุยกันรู้เรื่อง

นายเศรษฐา ยืนยันว่าไม่มีพลิกขั้วตั้งรัฐบาลแน่นอน เพื่อไทยและก้าวไกล ก็จับมือกันจนไปถึงปลายทางตั้งรัฐบาล แต่ระหว่างนี้ยังมีเวลาขอให้ใจเย็น เข้าใจว่าประชาชนและสื่อมวลชนก็มีความร้อนใจ ที่จะนำเสนอข่าว ข่าวก็มีแต่รายงานความคืบหน้า ซึ่งทุกอย่างยังไม่จบ แต่ข้อเท็จจริงยังไม่จบ คณะเจรจายังคุยกันอยู่ แม้ตนเองจะไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการเจรจา แต่เท่าที่ฟัง ก็ยังเห็นสองพรรคคุยกันด้วยดี

พรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยยังจับมือกันแน่น นายเศรษฐา ตอกย้ำอีกครั้งว่า มั่นใจ ส่วนจะเปิดรายชื่อคนชิงประธานสภาตอนไหนนั้น นายเศรษฐา ระบุ ไม่สามารถออกความเห็นได้ เพราะไม่ได้อยู่คณะกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวต้อง และในช่วงท้าย

ทั้งนี้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายเศรษฐา พร้อมเป็นนายกหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบไม่มีทาง และมั่นใจว่านายพิธาจะได้รับฉันทามติ โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน