เอกชนขอถ้ามีชุมนุมให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ห่วงตั้งรัฐบาลช้ากระทบลงทุนใหม่ การท่องเที่ยว

จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ้นจาก ส.ส.เหตุถือหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้นั้น

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนรับได้หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดแต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าออกไป อาจส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนใหม่ที่จะเข้ามาใหม่ และยังเป็นห่วงหากลากยาวจะกระทบเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะนักลงทุนอยากเห็นรูปร่างหน้าตาของรัฐบาลใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นโยบายที่ชัดเจนที่จะมีการแถลงต่อสภา เพื่อที่จะตัดสินใจในการลงทุนต่อไปอย่างไร

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการชุมนุมแสดงออกทางการเมือง ควรเป็นไปด้วยความสงบภายใต้กฎหมาย แต่หากไม่เรียบร้อยก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแล เพื่อไม่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวลำบาก แต่สำหรับการทำงานยังมีคณะรัฐมนตรีรักษาการอยู่ก็ให้เดินหน้าต่อไป

ทั้งนี้ นโยบายเชิงรุกที่ต้องตัดสินใจอาจได้รับผลกระทบบ้าง เพราะอาจไม่เหมาะสมที่จะให้คณะรัฐมนตรีรักษาการเป็นคนตัดสินใจ แต่หากเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับประเทศชาติก็ต้องขอ กกต. เป็นกรณีไป เพื่อทำงานต่อ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดทำงบประมาณใหม่ หากยังไม่มีรัฐบาลเชื่อว่าการลงทุนก็จะยังไม่เดินหน้า

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกปีนี้จะยังติดลบต่อเนื่อง หรืออาจไม่ขยายตัว โอกาสที่จะขยายตัวเป็นบวกคงเป็นไปได้ยาก มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและบริการจะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้ได้ รวมถึงสินค้าเกษตรที่ราคาดี โดยขอให้ทุกฝ่ายดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอในการเพาะปลูก ลดผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตร และเกษตรกร