เอกชนยินดีรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีขึ้นด้วยคนรุ่นใหม่ ฝากเร่งปฏิรูปกฎหมายช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

195
0
Share:
เอกชน ยินดี รัฐบาลชุดใหม่ ที่จะมีขึ้นด้วยคนรุ่นใหม่ ฝากเร่งปฏิรูปกฎหมายช่วยฟื้น เศรษฐกิจ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลการเลือกตั้ง 2566 โดยเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีความชัด โดยเฉพาะประชาชนตื่นตัวมาก ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 40 ล้านคน เกินกว่า 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52 ล้านคน โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือประชาชนทุกช่วงวัยตัดสินใจเลือกในส่วนของ 2 พรรคหลัก เกินกว่า 50% ในระบบ Party list แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการก็มีสิทธิที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน และครั้งนี้เห็นว่าหลายพรรคการเมืองออกมาประกาศเจตนารมย์ว่าจะให้เกียรติพรรคการเมืองลำดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด

โดยภาพการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองหน้าใหม่ในการเมืองไทย เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและพิสูจน์บทบาทเชิงการเมืองมามากพอสมควร หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็งและเข้ามาบริหารประเทศก็เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารจะสามารถขับเคลื่อนต่อไป

สำหรับเรื่องนโยบายของพรรคแกนนำ และพรรคร่วม คงต้องรอติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมบ้าง ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยและตกลงนโยบายของแต่ละพรรคก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนได้เห็นนโยบายที่ออกมาชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่ภาคเอกชน เห็นคงเป็นประเด็นเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆ

นอกจากนี้ในมุมมองภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตัวอย่างหลายประเทศก็มีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนนาดา แต่สิ่งสำคัญคือการผสมผสานคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เช่นเดียวกับภาพของุรกิจที่วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้คือไม่มีพรรคใดได้รับเสียงที่ชนะขาดแบบท่วมท้น จะทำให้เห็นภาพของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ทิ้งห่างกันไม่มาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอันดับ 1 จะจับมือกับอันดับ 2 หรือรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลในหลากหลายสูตร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก

ดังนั้น วันนี้สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมไปถึงชุดนโยบายต่างๆ ที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งและพรรคร่วมได้ตกลงกันที่ก็จะมีความชัดเจน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก