เอกชนยื่น 10 ข้อเสนอให้คลังพิจารณา หวังผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

784
0
Share:

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการนำคณะกรรมการเข้าพบ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เพื่อเสนอมุมมองของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจของประทศ โดยภาคเอกชนขอขอบคุณกระทรวงการคลังที่ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการพร้อมทั้งมีข้อเสนอใหม่ ประกอบด้วย 1.การเตรียมความพร้อมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายหลังสถานการณ์ โควิด 19 คลี่คลาย ขอให้สนับสนุนโครงการ Digital Tourism Platform (TAG THAI) เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในรูปแบบ One Stop Services
.
ตลอดจน และขอให้มีการจัดเก็บภาษี OTA ต่างชาติ เพื่อให้เม็ดเงินไหลเวียนภายในประเทศ ซึ่งกระทรวงฯ แจ้งว่ากฎหมายภาษีออนไลน์ ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้
.
2.การออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการภาคเอกชนเพื่อร่วมดูแลและป้องกันการระบาดโควิด19 ขอให้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีหรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิด19 (Tax Break Active Testing) สำหรับนายจ้างที่ออกค่าใช้จ่ายให้ลูกจ้าง และสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยออกมาตรการลดหย่อนภาษีหรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการฉีดวัคซีน ซึ่งทางกระทรวงฯได้ขอให้หอการค้าไทยได้นำเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุม ศบค. ได้พิจารณา
.
3.การจัดตั้งกองทุน Asset Warehousing และ กองทุน Real Estate Investment Trust (REIT) โดยขอให้สนับสนุนการจัดตั้งกองทุน Asset Warehousing มีรัฐบาลเป็นเจ้าภาพและจัดตั้งกองทุน REIT เพื่อให้ความช่วยเหลือธุรกิจโรงแรม ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะมีความชัดเจนในระยะเวลาอันใกล้ (ไม่เกินสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า)
.
4. การเสริมสร้างขีดความสามารถของธุรกิจค้าปลีก อาทิ ขอให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ SME คู่ค้าซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ผ่านแพลตฟอร์มค้าปลีก โดยผู้ค้าปลีกรายใหญ่ร่วมสนับสนุนการพิจารณาคุณสมบัติและติดตามการชำระสินเชื่อ
.
5 มาตรการด้านภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ ขอให้เครดิตภาษีหรือผ่อนชำระภาษีได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ขอให้มีการบรรเทาภาระภาษี เช่น การปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้สอดคล้องกับอัตราภาษีนิติบุคคล และ คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีท้องถิ่น การขยายระยะเวลาการจัดเก็บภาษีความหวานระยะที่ 2 สำหรับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยกระทรวงฯ ขอให้กรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษี ได้นำข้อเสนอไปดูรายละเอียดต่อไป และขอให้กรมสรรพากรได้ดูเรื่องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในส่วนของงานอีเว้นท์
.
6.มาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยหารือกับกระทรวงฯ ในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ขอให้ระบุเพื่อให้มีความชัดเจนในรายละเอียดว่า เฉพาะในส่วนของมูลค่า 3 ล้านบาทแรก ของทุกระดับราคา ทั้งที่อยู่อาศัยใหม่ และบ้านมือสอง พร้อมทั้งขอให้เร่งประกาศกระทรวงมหาดไทย ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะชะลอการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ อีกทั้งขอสนับสนุนให้ยกเลิกการบังคับใช้มาตรการป้องกันการเก็งกำไรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือ LTV เป็นการชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีกำลังซื้อ สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ รับเรื่องไว้พิจารณา
.
7. มาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 อาทิ ขอให้มีการจัดหาทุนสนับสนุนดำเนินงานของโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ให้เพียงพอ รวมทั้งผลักดันให้มาตรฐานการเปิดเผยฐานข้อมูลโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) ใช้กับโครงการก่อสร้างทุกประเภท กระทรวงฯยินดีให้การสนับสนุนข้อเสนอของหอการค้าไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศ
.
8.การเสริมสร้างขีดความสามารถธุรกิจพาณิชยนาวี ขอให้พิจารณาออกมาตรการอำนวยความสะดวกในการถ่ายลำ การพิจารณายกเว้นภาษี Input Tax สำหรับการนำเรือ Super Yacht เข้ามาทำการค้าชั่วคราวในน่านน้ำไทย ตลอดจน ขอให้ออกมาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจพาณิชยนาวี

9. แนวทางการพัฒนาด้านการค้าชายแดน ขอให้มีการกำหนดจุด Single Stop Inspection (SSI) และSingle Window Inspection (SWI) ณ ท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่ออำนวยความสะดวก สำหรับการเดินเรือชายฝั่งจากกัมพูชาและเวียดนาม ในด้านการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวร ขอให้เร่งรัดและผลักดันงบประมาณการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน และ จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จ.อุตรดิตถ์
.
10.การเพิ่มช่องทางให้เข้าถึงแหล่งหางานทำ โดยใช้ Application เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ การรับสมัครงาน โดยเฉพาะการขาดแรงงานเก็บผลไม้ตามฤดูกาลของภาคตะวันออก ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องการมีงานทำหรือต้องการหารายได้เพิ่ม สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลการหางานทำได้ง่ายขึ้น กระทรวงฯ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะประสานงานกับกระทรวงแรงงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ได้รับข้อเสนอของหอการค้าไทย โดยจะให้มีการประสานงานและติดตามความคืบหน้าในเรื่องต่างๆ ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และจะรายงานผลให้ทราบภายใน 1 เดือนหลังจากนี้