เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 ในจีน ยื่นล้มละลาย

481
0
Share:
เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ อันดับ 2 ใน จีน ยื่น ล้มละลาย

เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนึ้สินสะสมมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ประกาศยื่นล้มละลายต่อศาลแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เตรียมเปิดเจรจากับเจ้าหนี้และการปรับโครงสร้างธุรกิจในฮ่องกง เกาะเคย์แมน และเกาะบริติช เวอร์จิ้น ไอส์แลนด์

นอกจากนี้ บริษัทในเครือของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทเทียนจี โฮลดิ้งส์ บริษัทซีนเนอรี เจอร์นี ได้ยื่นขอล้มละลายต่อศาลดังกล่าวด้วย

สาเหตุจากผลประกอบการของกลุ่มบริษัทดังกล่าวยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง พบว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา มูลค่าผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิรวมกันสูงถึง 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.84 ล้านล้านบาทใน 2 ปีผ่านมา ในปี 2021 มีผลขาดทุนสุทธิที่ 66,360 ล้านดอกเบี้ยสหรัฐ หรือกว่า 2.32 ล้านล้านบาท และในปี 2022 มีผลขาดทุนสุทธิที่ 14,760 ล้านดอกเบี้ยสหรัฐ หรือกว่า 516,600 ล้านบาท

กลุ่มบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ประสบปัญหาหนี้สินในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตีนแผ่นดินใหญ่อย่างเรื้อรัง สถานการณ์การเงินเข้าขั้นวิกฤตรุนแรง ส่งผลให้ในปี 2021 กลายเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สะสมมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ ยังผิดนัดชำระหนี้กับบรรดาเจ้าหนี้ทุกประเภท กระทั่งถึงเดือนมีนาคมผ่านมา บริษัทดังกล่าวต้องประกาศแผนปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ในตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศ ขณะที่ เมื่อเดือนมีนาคมปี 2022 ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ตลาดหลักทรัพย์เสินเจิ้น จีนแผ่นดินใหญ่ สั่งยกเลิกการซื้อขายหุ้นบริษัทเอเวอร์แกรนด์ในตลาดหุ้นทั้ง 2 แห่ง

วิกฤตบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ปะทุและลุกลามในปี 2564 นำไปสู่วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อื่นๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ คาเซีย บริษัทแฟนตาเซีย และบริษัทชื่อเหมา กรุ๊ป ล้วนผิดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ ทั้งสิ้น ทำให้เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่กระทบภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ในปีผ่านมาชะลอตัวอย่างรุนแรงเหลือเพียง 3% ทำสถิติภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกต่ำและเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 50 ปี

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ประสบปัญหาอย่างหนักในการจ่ายหนี้เงินกู้ที่สะสมสูงมากถึง 2.437 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 12.35 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2565 หรือคิดเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่