แบงก์ชาติสหรัฐชี้เป้าอาจขึ้นดอกเบี้ยแรงอีกในกันยายน ตามคาดขึ้น 0.75% ครั้งที่ 2

324
0
Share:

เมื่อคืนผ่านมา 27 กรกฎาคม 2565 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอร์โรม พาวเวลล์ แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นมาอยู่ที่ระหว่าง 2.25-2.50% นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากที่สุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1994 หรือเมื่อปี 2537 ในยุคสมัยนายอลัน กรีนสแปน เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 0.75% ถึง 2 รอบการประชุมติดต่อกันในปีนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญ ในปีนี้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นรวม 4 ครั้งติดเต่อกัน เริ่มจากเดือนมีนาคมขึ้น 0.25% เดือนพฤษภาคมขึ้น 0.50% เดือนมิถุนายนขึ้น 0.75% และเดือนกรกฎาคมขึ้น 0.75% รวมปรับเพิ่มสูงขึ้น 2.25% ใน 5 เดือนผ่านมา ทำสถิติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เร็วที่สุดในรอบ 42 ปี หรือนับตั้งแต่อดีตประธานเฟด นายพอล วอร์คเกอร์ บริหารเฟดในช่วงปี 1980

ประธานเฟด กล่าวว่า การทำให้ภาวะเงินเฟ้อกลับมามีเสถียรภาพเป็นสิ่งที่เฟดต้องทำ สิ่งนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่เฟดจะล้มเหลว อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะเป็นตัวกำหนดแนวทางของเฟด และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นอาจเป็นความเหมาะสมในการประชุมครั้งถัดไป ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อไม่เริ่มที่จะชะลอตัวลง

สำหรับในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 20-21 กันยายนนั้น ส่วนตัวคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นไปได้ทั้ง 0.5% หรือ 0.75% ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับการประชุมในแต่ละครั้ง และเฟดจะยังคงสื่อสารความตั้งใจของมติที่ประชุมอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่สามารถทำได้

ผลจากการคาดการณ์ของตลาด พบว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% ในคืนผ่านมา จะมีแนวโน้มสูงที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะปรับขึ้นไปแตะสูงสุดที่ระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้จะเป็นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่สูงสุดในรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่มกราคม ปี 2008 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงจากการคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.5% นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 3.8% ในปี 2566 นั่นหมายถึงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 16 ปี