นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงปัญหาภัยคุกคามทางการเงินที่ทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ จึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนยกระดับมาตรการจัดการภัยคุกคามทางการเงิน และการจัดการ บัญชีม้า อย่างต่อเนื่อง มีแนวทางปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น สอดรับกับรูปแบบภัยการเงินที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อดูแลลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศ
โดยสมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก พร้อมสนับสนุนการยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินของ ธปท. โดยจัดทำแนวทางปฎิบัติภาคธนาคารร่วมกัน ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการป้องกันบัญชีม้าที่จะเปิดใหม่ และการขยายผลตรวจจับบัญชีม้าที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะยกระดับการป้องกันบัญชีม้า 2 ส่วน ดังนี้
1. มาตรการป้องกันบัญชีม้าเปิดใหม่ โดยจะมีการประเมินความเสี่ยงของบุคคลที่มาเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ว่ามีแนวโน้มจะนำบัญชีไปใช้ทุจริตหรือไม่ เช่น การเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ สำหรับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในรายชื่อ “บุคคลมีความเสี่ยงสูง” หรือกลุ่มบุคคลที่มีข้อสงสัยว่า “อาจ” เป็นบัญชีม้า หรือ “เคย” เป็นบัญชีม้ามาก่อน
2. มาตรการขยายผลการตรวจจับ และการจัดการบัญชีม้าให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีที่อาจเป็นบัญชีม้าข้ามธนาคาร การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าที่มีบัญชีกับธนาคาร (กระบวนการ CDD) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากหน่วยงานราชการกับธนาคาร เป็นต้น เพื่อให้แต่ละธนาคาร นำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการตรวจจับบัญชีต้องสงสัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อธนาคารตรวจพบบัญชีต้องสงสัย จะดำเนินการตามมาตรการขั้นต่ำ โดยระงับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ทันที เพื่อให้เจ้าของบัญชียืนยันตัวตน และแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้ใช้บัญชีจริง และไม่ได้นำบัญชีไปใช้ทำทุจริต พร้อมนำส่งข้อมูลบัญชีต้องสงสัยไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและออกคำสั่งทางปกครอง เพื่อดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยต่อไป โดยปัจจุบัน ธนาคารได้ปิดช่องทางออนไลน์ของบัญชีต้องสงสัยไปแล้วกว่า 300,000 บัญชี
นายผยง กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ขอให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากการเปิดบัญชีม้า หรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีของตนเป็นบัญชีม้าว่า มีโทษตามกฎหมาย อีกทั้งภาคธนาคาร มีมาตรการจัดการที่เข้มงวด เช่น การพิจารณาระงับการใช้งานผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดทันที และพิจารณาไม่อนุญาตให้เปิดบัญชีใหม่ ตลอดจนมาตรการอื่นที่จะมีการกำหนดเพิ่มเติม รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ หรือพัฒนากำหนดฟังก์ชั่นการใช้งานของโมบายแบงกิ้งเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับลูกค้าในอนาคต
โดยภาคธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้บริการ หรือการทำธุรกรรมของลูกค้าทั่วไป โดยปริมาณธุรกรรมที่ต้องสงสัย นับเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับธุรกรรมทั้งหมดในระบบของธนาคาร โดยสมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก เชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าว จะทำให้สามารถตรวจจับบัญชีม้าในระบบ และลดบัญชีม้าเกิดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และ เอกชน ประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Telco) เพื่อพัฒนาแนวทางในการจัดการภัยคุกคามทางการเงินในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
ด้าน นายวิทัย รัตนากร ประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) กล่าวว่า ตามที่ ธปท. ได้กำหนดให้ทุกธนาคารดำเนินนโยบายมาตรการบริหารจัดการภัยทุจริตทางการเงินนั้น สถาบันการเงินของรัฐทุกแห่ง ได้ปรับปรุงการให้บริการทางการเงิน ด้วยแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องตามมาตรการ และเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสมาคมธนาคารไทย ทั้งด้านธรรมาภิบาล และด้านการบริหารจัดการภัยทุจริต เพื่อให้มีมาตรการป้องกัน ตรวจจับภัยทุจริตทางการเงิน ตอบสนองและรับมือต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งได้มีการร่วมหารือ การให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ระหว่างธนาคารสมาชิกตลอดที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินของรัฐ ยังมีกลุ่มลูกค้าบางส่วนที่แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ ที่ต้องให้การดูแล และให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มลูกค้าฐานราก และภาคเกษตรที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร หรือการประชาสัมพันธ์การแจ้งภัยทุจริตทางการเงิน
สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ จึงมีแผนในการพัฒนา และยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยของ Mobile Banking หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ให้สอดคล้องกับมาตรการบริหารจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ด้วยการจำกัดการโอนเงินเฉพาะระหว่างบัญชีของตนเอง บุคคลในครอบครัว และการสแกนจ่ายภายในวงเงินที่จำกัด เป็นต้น
ทั้งนี้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลภัยจากมิจฉาชีพที่หลอกให้โหลดแอปดูดเงิน การข่มขู่หรือหลอกลวงให้โอนเงิน การหลอกให้ลงทุน หรือผู้ที่ไม่กล้าใช้ Mobile Banking โดยมีแผนจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน ตัวอย่างเช่น ธนาคารออมสิน จะออก Function ใหม่ ที่เรียกว่า “MyMo Secure Plus” ที่จะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้