แย้งใช้ไฟเซอร์เป็นเข็ม 3 ฉีดบุคลากรด่านหน้า เท่ากับยอมรับฉีดซิโนแวคไม่ได้ผล คาดไฟเซอร์มา ก.ค. 1.5 ล้านโดส

394
0
Share:
เปิดเอกสารผลการประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่างคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คณะทํางานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
โดยเนื้อหาเอกสารดังกล่าวมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ เช่น ที่ประชุมประเมินว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวน 1.5 ล้านโดส และจะได้รับในไตรมาสที่ 4 รวม 20 ล้านโดส
.
วาระเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอแนวทางบริหารจัดการวัคซีน มีรายละเอียดว่า ควรมุ่งเน้นไปที่บุคคลทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่
1. บุคคลอายุ 12-18 ปี
2. กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้วัคซีน ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์
3. ให้บุคลากรด่านหน้ากระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นวัคซีนเข็มที่ 3
ในวาระดังกล่าว ที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นหลายแนวทาง เช่น ควรให้กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง หญิงตั้งครรภ์ และแก้ปัญหาที่พื้นที่ระบาดก่อน ในขณะที่บางส่วนเห็นว่ากลุ่มบุคคลอายุ 12-18 ปี ยังสามารถรอวัคซีนจากการสั่งซื้อได้
ที่น่าสนใจ คือ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ปรากฎว่าส่วนหนึ่งเห็นด้วย เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นกำลังสำคัญ ถึงแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคจำนวน 2 เข็มแล้ว แต่บุคลากรการแพทย์ก็ยังเกิดการติดโรคระบาดโควิด-19 หลายราย
ในขณะที่บางส่วนมีความเห็นว่า ถ้านำวัคซีนไฟเซอร์มาฉีดให้บุคลากรการแพทย์เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 อาจถือได้ว่า เป็นการยอมรับว่าวัคซีนซิโนแวคไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น
.
ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะดังกล่าว สรุปแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ในเดือน ก.ค. – ส.ค. 64 โดยเห็นชอบควรให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับระยะแรก จำนวน 1.5 ล้านโดส เป็นวัคซีนเข็มที่ 1 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยเน้นในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง คือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล