แรงซื้อต่อ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดสูงขึ้นนกว่า 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเฉียด 77 ดอลลาร์

223
0
Share:
แรงซื้อต่อ! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดสูงขึ้นนกว่า 90 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเฉียด 77 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,665 จุด +91 จุด หรือ +0.27% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,267 จุด -16 จุด หรือ -0.38% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,104 จุด -171 จุด หรือ -1.29%

สาเหตุจากนักลงทุนกลับเข้าลงทุนหุ้นรอบใหม่หลังจากเมื่อวันจันทร์ผ่านมา ได้เทขายอย่างหนาตาเพื่อทำกำไรช่วงสั้นเป็นผลจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทุกตัวโดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานกว่า 700 จุด นักลงทุนยังประเมินแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจจะเริ่มตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนพฤษภาคมพุ่งสูงมากถึง 339,000 คน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 190,000 คน และยังเป็นตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 29 ติดต่อกัน หรือ 3 ปีติดต่อกัน สิ่งสำคัญคือ อัตราเงินค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้ประเมินว่าอาจเป็นแรงลดความกดดันของเฟดในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานเดือนดังกล่าวกลับเพิ่มสูงขึ้นที่ระดับ 3.7% ทำสถิติว่างงานมากสุดในรอบ 7 เดือนผ่านมา จากที่ในเดือนเมษายน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่รระดับ 3.4% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 53 ปี

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.9%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนกลับประเมินผลกระทบจากปัจจัยกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังผลิตน้ำมันดิบมีผลเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป จะมีน้ำหนักมากกว่าภาวะเศรษฐกิจโลกปีนี้ยังคงชะลอตัว หรือซบเซา โดยซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตมากถึงวันละ 1 ล้านบาร์เรลจนถึงสิ้นปีนี้ และยังลดกำลังการผลิตอีกวันละ 500,000 บาร์เรลในปี 2024 ด้วย

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากนักลงทุนประเมินโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นจะลดลง โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะประชุมในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,940.25 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -24.07 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,958.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -23.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.2%

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี พุ่งสูงขึ้นในรอบ 1 สัปดาห์กว่า ท่ามกลางดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัว ทั้ง 2 ปัจจัยกดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำหนาตา เนื่องจากนักลงทุนรอประเมินแนวโน้มการประชุมของเฟดในกลางสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมในวันที่ 13 มิถุนายนก่อนถึงวันประชุมของเฟดเพียง 1 วัน